จ่อลงดาบผู้คุมรีดเงินญาตินักโทษ สั่งออกราชการ พร้อมตั้งกก.สอบวินัยร้ายแรง

ความคืบหน้า กรณีครอบครัวผู้ต้องขังหญิง ในทัณฑสถานหญิงธนบุรี นำหลักฐานเข้าเเจ้งความกับตำรวจปปป. โดยกล่าวหาผู้คุมหญิงรายหนึ่ง มีพฤติกรรมเรียกรับเงินเเละผลประโยชน์หลายครั้ง เพื่อเเลกกับการดูเเลเเละให้สิทธิพิเศษบางอย่างกับผู้ต้องขังในเรือนจำ



ล่าสุด มีความเคลื่อนไหวจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์  ได้พิจารณาเเล้วเห็นว่า การกระทำที่ผู้คุมหญิงถูกกล่าวหา เสื่อมเสียต่อตำเเหน่งหน้าที่ เเละภาพลักษณ์ของราชทัณฑ์อย่างร้ายเเรง ยืนยันจะติดตามสอบสวนเรื่องนี้อย่างเป็นธรรม เเละขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อเจ้าหน้าที่ที่เเอบอ้างว่า สามารถช่วยผู้ขังให้อยู่อย่างสุขสบายในเรือนจำได้



ลายมือข้อความ ที่สามีของผู้ต้องขังหญิงบันทึกไว้ ซึ่งระบุว่า นี่คือรายจ่ายบางส่วนที่จดเอาไว้ หลังถูกผู้คุมหญิงรายหนึ่ง ในทัณฑสถานหญิงธนบุรี โทรมาขอให้ช่วยโอนเงิน โดยอ้างว่าจะเอาไปใช้จ่ายส่วนตัว มีทั้งค่าเค้กวันเกิด ค่าอาหาร สามีซึ่งเป็นผู้เสียหายอ้างว่า ผู้คุมรายนี้โทรมาขอเงินหลายครั้ง ตนเองมีอาชีพขับวินจักรยานยนต์รับจ้าง ต้องเจียดเงินเหรียญที่ได้จากการขับรถ เอาเข้าบัญชีเเละโอนไปให้



เหตุที่ยอมโอนเพราะเป็นห่วงภรรยา ซึ่งถูกคุมขังในเรือนจำตั้งเเต่ปีที่เเล้ว เเละผู้คุมรายนี้ก็อ้างว่า ถ้าได้เงินจะช่วยดูเเลเป็นกรณีพิเศษ แต่เท่าที่รู้จากเพื่อนผู้ต้องขังที่พ้นโทษออกมา ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปอย่างที่ตกลงกันไว้ จึงตัดสินใจประสานไปที่ทนายรณณรงค์ เเก้วเพ็ชร์ นำหลักฐาน ทั้งสลิปการโอน ข้อความต่าง ๆ ไปร้องทุกข์กล่าวโทษที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตเเละประพฤติมิชอบ



ล่าสุด นายอายุตม์  สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยความคืบหน้าเรื่องนี้ โดยบอกว่าจากข้อกล่าวหาดังกล่าว ขณะนี้กรมราชทัณฑ์ ได้พิจารณาเห็นว่าพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ เป็นการการกระทำที่เสื่อมเสียต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและชื่อเสียง รวมทั้งภาพลักษณ์ในการปฏิบัติงานราชทัณฑ์อย่างร้ายแรง จึงได้มีการตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง และให้เจ้าหน้าที่ดังกล่าว ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว เพื่อดำเนินการสวบสวนและหาข้อเท็จจริงต่อไป



อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ขอให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อเจ้าหน้าที่คนใด ที่แอบอ้างจะสามารถช่วยเหลือให้ผู้ต้องขังอยู่อย่างสบายภายในเรือนจำได้ โดยการหาประโยชน์เรียกรับเงินในรูปแบบต่างๆ เนื่องจากที่ผ่านมามีญาติตกเป็นเหยื่อหลายราย สูญเสียเงินจำนวนมาก



และเพื่อเป็นการป้องกันการแอบอ้างหรือหลอกลวงในลักษณะเช่นนี้อีก ขอให้ญาติผู้ต้องขังติดตามข่าวสาร สอบถามข้อมูลจากช่องทางของเรือนจำทัณฑสถานที่กำหนดไว้ รวมถึงสามารถเข้าร้องทุกข์กับผู้บัญชาการเรือนจำนั้นๆได้โดยตรง ซึ่งกรมราชทัณฑ์ ไม่มีนโยบายให้มีการติดต่อกับเจ้าหน้าที่เรือนจำเป็นรายบุคคล หรือเป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด ผู้ต้องขังทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาค เท่าเทียมกัน โดยอยู่ภายใต้กฎระเบียบตามหลักสิทธิมนุษยชน จึงขอให้ประชาชน และญาติของผู้ต้องขังทุกคนอย่าได้เป็นกังวล และหลงเชื่อการกระทำดังกล่าว




นอกจากนี้ประชาชนทั่วไป และญาติสามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ช่องทาง Facebook ประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์ โทรศัพท์หมายเลข 02-9672222 หรือเว็บไซต์ www.correct.go.th หรือสอบถามโดยตรงที่เรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ



ท่านใดที่พบเห็น หรือมีเบาะแสการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 080-071-5182 เลขานุการกรม และ หมายเลข 02-967-3307 กลุ่มงานรับเรื่องราวร้องทุกข์ เพื่อกรมราชทัณฑ์จะดำเนินการอย่างเฉียบขาดต่อไป