สังคม
ทนาย 'บิ๊กโจ๊ก' จ่ออุทธรณ์ คำสั่งออกราชการ ชอบด้วยกม.หรือไม่ ด้านชุดทำคดีเว็บพนัน หอบสำนวนยื่นป.ป.ช.
โดย panwilai_c
19 เม.ย. 2567
40 views
คดีของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. หลังจากเมื่อวานนี้ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ลงนามคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน วันนี้มีความเห็นมาจากนายกรัฐมนตรี และทีมทนายความของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ขณะที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีเว็บพนันออนไลน์ BNK Master ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปยื่นสำนวนคดีให้ ป.ป.ช.รับไว้ดำเนินการไต่สวนชี้มูลความผิดตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีเว็บพนันออนไลน์ BNK Master ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมพวก ในข้อหาความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดฐานฟอกเงินและเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน
พ.ต.ท.สราวุธ บุตรดี รอง ผู้กำกับ(สอบสวน) สน.สายไหม ในฐานะคณะพนักงานสืบสอบสอบสวนคดีนี้ เดินทางไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อยื่นสำนวนคดีให้ ป.ป.ช. พิจารณารับคดีไว้ดำเนินการไต่สวนชี้มูลความผิดตามขั้นตอนของกฎหมาย
พ.ต.ท.สราวุธ เปิดเผยว่า คดีเว็บพนัน BNK Master 2 สำนวน รวม 22 ผู้ต้องหา โดยสำนวนแรกคือส่วนที่ดำเนินคดี พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ พร้อมพวกในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ม.149 และ 157 และสำนวนที่2 คดี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกดำเนินคดีในข้อหาสมคบกันกระทำความผิด ฐานฟอกเงินและเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน และสำนวนดังกล่าว เป็นพยานหลักฐานชุดเดียวกันที่ยื่นต่อศาลเพื่อขอออกหมายจับ พล.ต อ.สุรเชษฐ์ และผู้ต้องหารายอื่น ๆ ซึ่งเพียงพอที่จะให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาชี้มูลความผิดได้
ส่วนกรณีที่วันที่ 27 เมษายนนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังต้องเดินทางมารายงานตัวและให้ปากคำกับคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเหมือนเดิมหรือไม่นั้น พ.ต.ท.สราวุธ เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนจะไม่มีอำนาจการสอบสวนในคดีนี้แล้ว แต่ตามกำหนดการเดิม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังสามารถที่จะเดินทางมายื่นพยานหลักฐานผ่านพนักงานสอบสวน เพื่อส่งต่อมายัง ป.ป.ช. หรือจะเดินทางมายื่นหลักฐานต่อ ป.ป.ช. ด้วยตนเองก็ได้ ซึ่งจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีการแจ้งเลื่อนการเข้าพบคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แต่อย่างใด
ทางด้านนายวราชันย์ เชื้อบ้านเกาะ ทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า ภายหลัง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทนผบ.ตร. ลงนามคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อนว่า ขณะนี้หนังสือยังมาไม่ถึงพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ คาดว่าอยู่ระหว่างดำเนินการ เท่ากับยังไม่มีการแจ้งให้ตัวผู้ถูกออกคำสั่งทราบ แต่หากได้รับหนังสือแล้ว เชื่อว่าจะมีการยื่นอุทธรณ์ตามกระบวนการกฎหมายแน่นอน แต่ต้องดูว่าในหนังสือระบุตามสิทธิ์อย่างไร ให้ยื่นอุทรณ์ที่ไหนเมื่อไร
นายวราชันย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องแยกเป็น 2 ส่วน คดีที่มีการดำเนินคดีก็ส่วนหนึ่ง คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนเป็นเรื่องทางปกครองก็ส่วนหนึ่ง ว่ากันไปตามกระบวนการ เรื่องทางคดีจะมีรายละเอียดอื่นๆที่ซับซ้อน แต่อย่างที่เคยแถลงไว้ว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์มีความมั่นใจในส่วนของตัวเอง ว่ากระบวนการที่เกิดขึ้นไม่ได้รับความเป็นธรรม
หลังจากนี้ ทีมทนายความจะต้องตรวจสอบคำสั่ง หากไม่เป็นไปตามกฎหมาย การออกคำสั่งที่ไม่ชอบทาง พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ก็มีสิทธิ์ร้องทุกข์ และผู้ออกคำสั่งจะต้องเป็นคนรับผิดชอบ อาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 157 ได้ แต่ทั้งหมดนี้ต้องดูรายละเอียดอีกครั้ง
ขณะเดียวกันนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวก่อนเดินทางลงพื้นที่ภูเก็ต ว่า 3-4 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการตรวจสอบเรื่องนี้ พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ ก็ได้มาพูดคุยกับตนเพื่อขอให้ส่งตัวพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์กลับต้นสังกัด เพื่อจะได้ไปดำเนินการ
ส่วนเกี่ยวข้องกับผลของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้นหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่าคณะกรรมการชุดนี้ยังตรวจสอบอยู่ มีอีกหลายเรื่องที่จะต้องตรวจสอบต่อ ทั้งในส่วนของ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ แต่คำสั่งที่ออกมาเมื่อวานนี้เป็นคนละคดีกัน
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบของคณะกรรมการชุดนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไม่อยากไปกดดัน กระบวนการยุติธรรมไม่มีใครไปก้าวก่ายหรือเร่งรัดอะไร เข้าใจในความสามารถและความเป็นมืออาชีพของคณะกรรมการ ทั้ง 3 คน เพราะเป็นเรื่องที่สังคมจับตาอยู่
ส่วนความคืบหน้ากรณีของพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ที่อาจจะถูกนำมาเปรียบเทียบกันกับกรณีของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ นายกรัฐมนตรีระบุว่าเชื่อว่าแต่ละกรณีก็มีความแตกต่างกันไป มั่นใจในกระบวนการยุติธรรม ว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะให้ความเป็นธรรมกับทุกคน
อย่างไรก็ตาม ในการเดินทางครั้งนี้ มีพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ, นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย หนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีของพลตำรวจเอกต่อศักดิ์และพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ร่วมเดินทางไปกับนายกรัฐมนตรีด้วย