ก.ต. ตั้งสอบวินัยร้ายแรง รองอธิบดีผู้พิพากษา กรณีเพิกถอนออกหมายจับ สว.อุปกิต

มีความคืบหน้าในประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว และเมื่อเดือนมีนาคมปีนี้ นั่นคือ กรณีที่ตำรวจสืบสวนนครบาล ที่ได้จับกุมขบวนการค้ายาเสพติดชาวเมียนมานายทุนมินลัต และตำรวจได้ขยายผลเส้นทางการเงิน และเส้นทางธุรกิจ ก่อนไปยื่นศาลอาญา เพื่อออกหมายจับ นายอุปกิต ปาจารียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ฐานพัวพันการฟอกเงินขบวนการค้ายาเสพติดดังกล่าว เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ก่อนที่ศาลจะอนุมัติหมายจับ และสั่งเพิกถอนหมายจับในวันเดียวกัน ปรากฏว่า วันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการ ได้มีมติเสียงข้างมาก ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กรณีการแทรกแซงเพิกถอนหมายจับ


นี่เป็นเอกสาร ที่สำนักงานคณะกรรมการตุลาการ หรือ ก.ต. ได้เผยแพร่ผลประชุม ก.ต.ซึ่งประชุมในวันนี้ เอกสารในข้อ 8 ได้ระบุถึง การพิจารณารายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงข้าราชการตุลาการ กรณีมีพฤติกรรมและการปฏิบัติหน้าที่ มีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยให้สำนักงานศาลยุติธรรม แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง จำนวน 1 ราย


รายงานจากที่ประชุม ก.ต.ระบุว่า กรณีที่ระบุในข้อ 8 คือการให้ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับรองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กรณีแทรกแซงการเพิกถอนหมายจับนายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ในคดีพัวพันการฟอกเงิน การเพิกถอนหมายจับเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2565


ก่อนที่การแทรกแซงหมายจับ จะถูกเปิดเผยในเดือนมีนาคมปีนี้ เมื่อเกิดกระแสว่า ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการจับเครือข่ายยาเสพติดทุนมินลัต ถูกย้ายไปคนละทิศละทาง และนายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายในสภา พร้อมกับออกมาแฉเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง



ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเอง ก็ได้เรียกตัว พันตำรวจโทมานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สารวัตร กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจนครบาล ไปให้ข้อมูล เรื่องการเสนอศาลออกหมายจับนายอุปกิต และสอบเรื่องการถูกแทรกแซงจนมีการเพิกถอนหมายจับ และนี่คือ การให้สัมภาษณ์ของพันตำรวจโท มานะพงษ์ เมื่อวันที่ 28 มีนาคมปีนี้ ขณะเข้าให้ข้อมูลกับจเรตำรวจแห่งชาติ





จนต่อมา พันตำรวจโท มานะพงษ์ ได้ยื่นขอหมายจับต่อศาล และถูกเพิกถอนหมายจับ จึงได้ยื่นร้องเรียนต่อ ก.ต. เรื่องการแทรกแซง ทั้งที่ศาลได้ออกหมายจับแล้ว แต่กลับเพิกถอนโดยอ้างว่า เป็นบุคคลสำคัญ ไม่มีพฤติกรรมหลบหนีพร้อมทั้งอธิบายรายละเอียดในเอกสารการรร้องเรียน





ข้อความการร้องเรียนบางส่วน ระบุว่า หลังศาลอนุมัติหมายจับแล้ว พันตำรวจโทมานะพงษ์ และผู้บังคับบัญชา 2 คน ถูกเรียกไปพบในห้องประชุมที่ศาลอาญา ซึ่งมีอธิบดี รองอธิบดี และผู้พิพากษา และเลขาศาลอาญา



โดยรองอธิบดี ได้ต่อว่า พันตำรวจโทมานะพงษ์ ว่า ใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบ ในการเสนอออกหมายจับ จนต่อมาได้มีการเพิกถอนหมายจับในที่สุด



การเสนอออกหมายจับครั้งนี้ นายอุปกิต ก็ได้ยืนยันในความบริสุทธิ์ และปฏิเสธข้อกล่าวหา พร้อมทั้งฟ้องกลับว่า พันตำรวจโทมานะพงษ์ ว่า ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ