ทนายเดชามอบผลผ่ารอบสองให้ตำรวจ แย้มอาจแจ้งข้อหาเพิ่ม เพราะตำรวจเรียกแม๊เข้าให้ปากคำเพิ่มเติม

ความคืบหน้าที่ สภ.เมืองนนทบุรี เมื่อเวลา 15.25 น. ที่ผ่านมา ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ในฐานะทนายความของคุณแม่แตงโม พร้อมด้วยคุณแม่ภนิดา ศิระยุทธโยธิน คุณแม่แตงโม เดินทางมาถึงที่ สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อนำผลการผ่าชันสูตรร่างของแตงโมรอบสองที่ได้รับจากกระทรวงยุติธรรมเมื่อวานนี้ นำมาส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน

ทนายเดชา เปิดเผยว่า ตนได้เปิดซองผลชันสูตรและดูอย่างละเอียดแล้วภาพรวมค่อนข้างเหมือนกับผลของการผ่าครั้งแรกโดยแพทย์นิติเวชตำรวจไม่ได้มีจุดใดที่มีข้อแตกต่างอย่างมีนัยยะสำคัญที่จะทำให้รูปคดีเปลี่ยน

ส่วนเรื่องบาดแผล 22 แผล ก็จะเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะไปตรวจสอบร่วมกับแพทย์นิติเวชของทั้ง 2 ที่ เพื่อวิเคราะห์ว่ารอยข่วน รอยแผลต่างๆ นั้นเกิดจากอะไรได้บ้าง ส่วนประเด็นเรื่องการนำเล็บของแตงโมไปตรวจเพิ่ม ยืนยันว่าผลออกมาไม่พบดีเอ็นเอของใครอยู่ในเล็บแตงโม



ส่วนผลการผ่าทั้งสองครั้ง จะใช้ครั้งไหน ก็ต้องดูว่าจะนำไปใช้แจ้งข้อกล่าวหาอะไร แต่โดยรวมถือว่าผลการผ่าครั้งแรกเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว ผลครั้งที่สองเป็นแต่การร้องขอเพื่อความสบายใจ และแสดงให้เห็นว่าผลของนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจมีความแม่นยำ



อย่างไรก็ตาม เรื่องการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานเพียงแค่ผลชันสูตรอย่างเดียว แต่ต้องประกอบรวมกันจากทุกพยานหลักฐานที่ตำรวจมี ซึ่งวันนี้หลังพบตำรวจอาจจะได้ทราบว่ามีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มหรือไม่ แต่การที่ก่อนหน้านี้มีการเรียกพยานบนเรือไปสอบปากคำเพิ่มเติมหลายครั้ง แปลว่าเจ้าหน้าที่มีจุดประสงค์บางอย่าง และการที่วันนี้ตำรวจเรียกแม่มาสอบปากคำเพิ่ม ก็แปลว่ามีความจำเป็น อาจจะสอบถามความประสงค์ของคุณแม่เกี่ยวกับทิศทางของคดี สำหรับประเด็นเรื่องของกุนซือที่ให้คำแนะนำการให้การของคนบนเรือ ตอนนี้ตำรวจก็กำลังรวบรวบพยานหลักฐานอยู่ ซึ่งพยานหลักฐานจะชี้ได้ทั้งหมด



ทนายเดชา บอกด้วยว่า ตนทราบมาว่าบุคคลบนเรือมีการเตรียมการที่จะดำเนินคดีกลับกับคนหิวแสงที่ออกมาพูดเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับคดีนี้ แต่ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องอะไรกับตน ส่วนการที่นายอัจฉริยะ ไปยื่นหลักฐานกับตำรวจกองปราบปรามเอาผิด แซน ข้อหาให้การเท็จ เมื่อเช้านี้ ก็เป็นสิทธิของเขา ในฐานะพลเมืองดี ที่จะไปยื่นร้องทุกข์กล่าวโทษได้ หากมีพยานหลักฐาน แต่ย้ำว่าพยานหลักฐานนั้นต้องเป็นของจริง ส่วนสาเหตุที่ตนไม่ไปดำเนินการในส่วนนี้ เพราะหลักฐานเหล่านั้นมีอยู่ในสำนวนทั้งหมดแล้ว



ขณะที่คุณแม่ภนิดา ระบุว่า ตนเองค่อนข้างพอใจในผลการผ่าชันสูตรรอบ 2 โดยรวมไม่ได้มีความแตกต่างจากผลรอบแรก และคำถาม 11 ข้อ ผลก็ค่อนข้างจะเหมือนเดิม เรื่องสาเหตุของแผลที่ต้นขาขวาก็เป็นรายละเอียดที่อยู่กับพนักงานสอบสวน แม่เองตอบไม่ได้ แต่โดยรวมบอกได้ว่าแม่พอใจ ส่วนในวันนี้ที่พนักงานสอบสวนมีการเชิญมาสอบปากคำเพิ่มเติม แม่เองก็ยังไม่ทราบว่าจะสอบในประเด็นใด



คุณแม่ เปิดเผยด้วยว่า เมื่อวานนี้ ปอและโรเบิร์ต ได้ติดต่อมาหาคุณแม่แล้ว โดยโทรมาหาคนละสาย ได้มีการเล่าถึงเรื่องที่ไปปฎิบัติธรรมมา บอกว่าได้ไปนอนในโลงศพ เดินด้วยเท่าเปล่าจนเท้ามีแผล ทำให้อารมณ์เย็นลง โกรธ โมโหร้าย น้อยลง แต่ทั้งสองคนยังไม่ได้พูดถึงเรื่องที่จะสารภาพความจริงกับคุณแม่ ซึ่งแม่ก็จะยังไม่เค้นเอาความจริง เพราะเห็นว่าเพิ่งสึกมา แม่ก็อนุโมทนาบุญด้วย และก็ยังไม่ได้มีการนัดว่าจะมาสารภาพความจริงเมื่อไหร่ เพราะทั้งสองคนก็ขอเวลาไปหาครอบครัวก่อน คงต้องรอดูจังหวะเวลากันอีกครั้ง



คุณแม่ ยืนยันว่า ที่ผ่านมาตนไม่ได้ทำตามคำสั่งของตำรวจหรือของใครในการที่ถอดถอนบุคคลต่างๆ ซึ่งตำรวจให้เกียรติแม่และแม่ก็ให้เกียรติตำรวจ และการกระทำทั้งหมดไม่ใช่เป็นเพราะว่ากลัวตำรวจจะไม่ทำคดีให้เพราะตำรวจต้องทำอยู่แล้ว



ส่วนเรื่องที่ทนายกฤษณะออกมาพูดเรื่องคลิปกล้องหน้ารถ แม่ได้โทรศัพท์ไปเตือนแล้วบอกว่าให้หยุดพูด ซึ่งคลิปดังกล่าวนั้นแม่ยังไม่เคยเห็นเพราะตำรวจเป็นคนไปเก็บหลักฐานมา ที่บอกว่าไปเอาคลิปที่บ้านพร้อมกับแม่ก็ไม่เป็นความจริง ซึ่งจุดประสงค์ที่ออกมาพูด แม่ก็ไม่รู้ว่าเป็นการตั้งใจบิดเบือนหรือไม่ แต่การที่กล้าพูดแบบนี้ ถือว่าแย่มาก แม่ยังถามไปเลยว่ามีปัญหาอะไรกับแม่หรือไม่ ซึ่งทนายกฤษณะก็ได้ขอโทษ บอกว่ายังเคารพแม่เหมือนเดิมและจะไม่พูดอีก

ภายหลังให้สัมภาษณ์ ทนายเดชาและคุณแม่ได้มอบซองผลการผ่าชันสูตรรอบสองให้กับพันตำรวจเอกจาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผู้กำกับการ สภ.เมืองนนทบุรี ซึ่งผู้กำกับการบอกว่า หลังจากนี้จะต้องดูผลก่อน และนำไปเปรียบเทียบกับผลรอบแรก โดยจะต้องเรียกหมอผู้ผ่าทั้งสองรอบมาให้ปากคำประกอบด้วย ส่วนการรายงานตัวนัดที่ 3 ของปอและโรเบิร์ต ยังยืนยันกำหนดการเดิมคือวันพรุ่งนี้ (2 เม.ย.) เวลา 09.00 น.