ลุงแท็กซี่เครียด โดนหลอกกู้เงินออนไลน์ โอนเกลี้ยงบัญชี ตัดสินใจจบชีวิต โชคดี จนท.เกลี้ยกล่อมสำเร็จ

ลุงขับแท็กซี่เครียดกู้เงินออนไลน์โดนหลอกเงินเก็บในบัญชีหมดตัว ไปแจ้งความก็ไม่มีอะไรคืบหน้า เครียดจัด จะฆ่าตัวตาย โชคดีที่เจ้าหน้าที่มูลนิธิ และตำรวจมาเจอ ช่วยเจรจาสำเร็จ ล่าสุดตำรวจไซเบอร์รับทำคดีแล้ว



เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ 7 โมงเช้าวันนี้ (12 ธ.ค. 64) อาสาสมัครมูลนิธิและตำรวจ สน.ปากคลองสาน พยายามเจรจากับโชเฟอร์แท็กซี่คนนี้ให้วางมีด หลังขับรถมาจอดรถกลางสะพานกรุงเทพ แต่เจ้าตัวไม่ยอมง่ายๆ ยังพยายามใช้มีดข่มขู่คนที่จะเข้าใกล้



สุดท้ายเจ้าหน้าที่มูลนิธิตัดสินใจยอมถอย และตำรวจเข้ามาเจรจารับฟังปัญหา จนเขายอมวางมีด และเปิดใจว่า เครียดที่โดนแก๊งเงินกู้ออนไลน์หลอกเงินไปจนหมดบัญชี



โชเฟอร์แท็กซี่ วัย 60 ปี เล่าว่า ได้ค้างจ่ายค่างวดรถแท็กซี่มาหลายเดือน จึงพยายามหาเงินกู้นอกระบบ กระทั่งวันที่ 5 ธ.ค. 64 ไปเจอโฆษณาในเฟซบุ๊ก จึงลองติดต่อไป ขอกู้เงิน 2 หมื่นบาท แต่ต้องเสียค่าดำเนินการ ค่าเอกสาร ค่าเปิดบัญชี ค่าใช้จ่ายต่างๆ จึงนำเงินเก็บของครอบครัวไปจ่าย โดนหลอกไป 9,000 บาท ซึ่งก็ไปแจ้งความ สน.เพชรเกษม



จากนั้น 2-3 วัน เจอโฆษณาอีก จึงลองติดต่อเข้าไปกู้เงิน 1 หมื่นบาท ทีแรกแอดมินบอกไม่มีค่าดำเนินการ แต่สุดท้ายโดนหลอกไปอีก 6,000 กว่าบาท จนบัญชีเงินเก็บของครอบครัวที่มีอยู่ 15,000 บาท เหลือเพียง 13 บาท 67 สตางค์ ด้วยความเครียดที่โดนหลอก และเกรงใจภรรยาที่ต้องไปช่วยขับรถแท็กซี่หาเงินด้วย ไม่รู้จะทำยังไง ทีแรกคิดจะไปจี้ร้านทอง จี้ธนาคาร แต่ก็ไม่กล้า เลยตัดสินใจจะกระโดดแขวนคอตัวเองที่สะพานกรุงเทพ แต่มีเจ้าหน้าที่มาพบและช่วยชีวิตไว้ได้



ด้านภรรยา บอกว่า เพิ่งจะทราบเรื่องว่า โดนมิจฉาชีพหลอกเอาเงินเก็บไปทั้งหมด ซึ่งเงินที่เก็บนั้น เป็นเงินค่าวิ่งรถแท็กซี่ ที่ทั้งคู่ผลัดกันวิ่งรถ ทั้งกลางวันกลางคืน เพื่อจะเอาไปจ่ายค่างวดรถ เดือนละ 14,105 บาท พร้อมยอมรับว่าสามีรู้ไม่เท่าทัน พร้อมฝากตำรวจและผู้เกี่ยวข้องช่วยติดตามเงินด้วย



พันตำรวจเอก ต่อศักดิ์ ปานกลิ่นพุฒ ผู้กำกับการ สน.ปากคลองสาน เปิดเผยว่า ตอนที่ลุงโชเฟอร์ยอมวางมีด เพราะอธิบายให้เข้าใจว่า พนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม ไม่ได้ทิ้งคดี แต่กำลังรอเอกสารจากธนาคาร เพื่อออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้อง และตอนนี้ตำรวจไซเบอร์เข้ามาสอบสวนคดีนี้แล้ว