รองผู้ว่าฯ สุราษฎร์ฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบ บังกะโลถล่ม พร้อมกันพื้นที่เป็นเขตภัยพิบัติ

รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่ตรวจสอบ บังกะโลถล่ม  เผยสาเหตุมาจาก ปริมาณน้ำฝนจำนวนมากที่ตกลงมา ทำให้น้ำเปลี่ยนทิศทาง ไหลผ่านเข้ามาในบริเวณบังกะโล และกัดเซาะ ทำให้เกิดดินยุบตัว พร้อมกำชับห้ามเข้าใกล้บริเวณบังกะโล กันพื้นที่เป็นพื้นที่ควบคุมพื้นที่ภัยพิบัติดินถล่มแล้ว

ด้านผู้จัดการโรงแรมเชื่อ สาเหตุมาจากการขายถนน มีการขุดถนนวางท่อระบายน้ำ ทำให้น้ำเปลี่ยนทิศทางไหลผ่านบังกะโล ทำให้บังกะโลถล่ม ส่วนความเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้

วันนี้ (13 พ.ย. 64) เมื่อเวลา 12.30 น. นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่ตรวจสอบบังกะโล เมอร์ริท รีสอร์ต ริมถนนสายทวีวราษฎร์ภักดี หรือถนนรอบเกาะสมุย บริเวณก่อนถึงจุดชมวิว บิ๊กร็อก หมู่ 4 ตำบลมะเร็ต อำเภอเกาะสมุย ที่เกิดเหตุบังกะโลถล่ม

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ในวันเดียวกัน นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เดินทางไปสำรวจในบริเวณที่บังกะโลถล่ม โดยมี น.ส.ลลิตา ลอดพระเจน ผู้จัดการทั่วไป ของโรงแรมเมอร์ริท รีสอร์ต อำนวยความสะดวก พร้อมเปิดเผยว่า บังกะโลทั้งหมด มีจำนวน 48 หลัง บังกะโลยังไม่ได้เปิดให้บริการ อยู่ระหว่างปรับปรุง เพื่อเตรียมเปิดในช่วงก่อนปีใหม่นี้

ทั้งนี้ นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า สภาพโรงแรมเมอร์ริท รีสอร์ท มีบังกะโลพังถล่มไปประมาณ 8 หลัง สืบเนื่องจากน้ำกัดเซาะ และตอนนี้ได้ประสานแจ้งให้ทางเทศบาลนครเกาะสมุย ส่งวิศวกรมาสำรวจดูสาเหตุที่ชัดเจน แต่ในเบื้องต้นจากการตรวจดู และได้คุยกับทางผู้จัดการโรงแรม คาดว่าเกิดจากน้ำเปลี่ยนทิศทาง และได้มีการปรึกษากับผู้อำนวยการทางหลวงสำนักงานทางหลวงในเขตพื้นที่นี้ ให้เข้ามาดูเส้นทางท่อระบายน้ำของถนนว่าเป็นอย่างไร ซึ่งเมื่อก่อน ไม่เคยมีทางน้ำไหลมาลงตรงที่บังกะโลเช่นนี้

พร้อมกันนี้ นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ออกหนังสือแจ้งเตือน โดยเฉพาะให้เฝ้าระวังดินถล่ม และภัยคลื่นลมทะเล ซึ่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีความเป็นห่วงเป็นใยตลอด และวันนี้ก็ได้ออกมาดูพื้นที่

สำหรับในส่วนบังกะโลเมอร์ริท รีสอร์ทนี้ ให้ทางเทศบาลนครเกาะสมุย กันเป็นเขตพื้นที่ภัยพิบัติดินถล่ม พร้อมห้ามผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าใกล้อย่างเด็ดขาด

ด้าน น.ส.ลลิตา ลอดพระเจน ผู้จัดการทั่วไป ของโรงแรมเมอร์ริท รีสอร์ต เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อคืนช่วงประมาณตี 3 กว่า ได้ยินเสียงดังขึ้น "ตูม" ตนก็คิดว่าเป็นหินถล่ม ต่อมาได้ยินเสียงน้องพนักงานที่มาช่วยงานกรีดร้องขึ้น จึงวิ่งออกมาดู ก็เจอสภาพบังกะโลพังถล่ม

ซึ่งปีนี้กระแสน้ำมาแรงมากกว่าทุกปี คาดว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากการเปลี่ยนทิศทางของน้ำ เพราะน้ำไม่ได้ไหลทางท่อระบายน้ำ ทำให้น้ำเปลี่ยนทิศทาง ไหลทะลักเข้าตัวบังกะโล ซึ่งท่อระบายน้ำริมถนนสายรอบเกาะสมุย ถนนดังกล่าว ทำเสร็จยังไม่ถึงเดือน และปีนี้ปริมาณน้ำเยอะกว่าปกติ ทำให้น้ำทะลักเข้ามาในบังกะโล จนเกิดความเสียหาย

สำหรับตัวบังกะโลที่ถล่มไปแล้ว ประมาณ 8 ห้อง และยังมีห้องที่กำลังจะทรุดเพิ่มอีกประมาณ 3 ห้อง ซึ่งห้องที่ถล่มมีพนักงานอยู่ภายในห้อง หลังจากนี้ก็ต้องมีการปรึกษากับทางเจ้าของรีสอร์ต ว่าจะมีการบูรณะใหม่หรือไม่ และจะคุยกับเขตทางหลวงเรื่องการวางทางท่อระบายน้ำ

ตอนนี้ต้องสั่งปิดบังกะโลทุกห้อง ซึ่งความจริงแล้ว ขณะนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวจองเข้ามาแล้ว แต่คงไม่สามารถเปิดบริการได้ เพราะดูผลกระทบและความเสียหายแล้วเยอะพอสมควร อีกทั้งยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ ผู้จัดการโรงแรมกล่าว