อาชญากรรม

สลด! สาว พนง.สินเชื่อ เครียดจัด เขียนจดหมายสั่งลา ก่อนจบชีวิตคารถเก๋ง

โดย weerawit_c

24 พ.ค. 2564

3.2K views

สมุทรปราการ - เกิดเหตุพบศพหญิงจุดเตาถ่านรมควันเสียชีวิตอยู่ในรถยนต์เก๋ง ซึ่งจอดอยู่ริมถนนทางเข้าหมู่บ้านบ้านใหม่ ถนนเทพารักษ์ หลักกิโลเมตรที่ 9 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและมูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางเข้าตรวจสอบ


ที่เกิดเหตุ พบรถยนต์เก๋งยี่ห้อมาสด้า ซีเอ็กซ์ 3 สีดำ จอดดับเครื่องอยู่ข้างริมถนนประตูปิดอยู่ทั้ง 4 ด้าน ที่เบาะคนนั่งด้านหน้าฝั่งซ้ายข้างคนขับ ได้พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิงสาวนอนอยู่บนเบาะในลักษณะเอนเบาะนอนลงไปด้านหลัง


ทราบชื่อนางสาว มลธิชา เหล่าลาภะ อายุ 25 ปี สภาพนอนห่มผ้าอยู่บริเวณเบาะหน้าข้างคนขับ โดยผ้าห่มสีขาวและตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลคุมอยู่ที่ขาทั้งสองข้าง และที่บริเวณพื้นรถด้านหลังเบาะคนขับฝั่งขวา ได้พบเตาถ่านสภาพใหม่ที่ยังมีเศษถ่านและขี้เถ้าวางอยู่ จึงประสานแพทย์โรงพยาบาลบางพลีร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยแพทย์ระบุว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง จึงได้มอบร่างผู้เสียชีวิตให้มูลนิธินำส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลรามา สมุทรปราการ


น.ส.อาเดอะ มาเยอะ อายุ 25 ปี เพื่อนผู้เสียชีวิต ได้เล่าว่า ผู้ตายทำงานเกี่ยวกับสินเชื่ออยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง และเมื่อคืนได้เกิดมีปากเสียงกัน เรื่องที่มีเจ้าหนี้นอกระบบมาทวงเงินผู้ตายที่บ้าน แต่ก็ไม่ได้มีอะไรก่อนที่จะแยกย้ายกันเข้านอนตามปกติ


จนกระทั่งช่วงสายของวันนี้เพื่อนผู้ตายได้มาหาผู้ตายที่บ้าน แต่ผู้ตายไม่อยู่ และรถเก๋งของตนที่จอดอยู่หน้าบ้านก็หายไป พบเพียงข้อความที่ผู้ตายเขียนข้อความลักษณะสั่งเสีย พ่อและแม่ และเพื่อนๆ ไว้ในสมุดโน้ต ซึ่งผู้ตายเขียนข้อความไว้จำนวน 3 หน้ากระดาษวางอยู่ ด้วยความตกใจตกและเพื่อนจึงได้ขับรถออกตามหา


จนกระทั่งมาพบรถของผู้ตายมาจอดอยู่ที่บริเวณทางเข้าออกของหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 500 เมตร จึงรีบเข้าไปดูพบว่าประตูไม่ได้ล็อค เมื่อเปิดประตูดูพบผู้ตายนอนเสียชีวิตดังกล่าว จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ


เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า ผู้ตายน่าจะเกิดความเครียดเรื่องหนี้สินที่ถูกเจ้าหน้าที่มาทวงถามถึงบ้าน และมีปากเสียงกับเพื่อนที่พักอยู่ด้วยกัน จนเกิดความเขียนก่อนเขียนจดหมายสั่งเสียและขับรถเก๋งของเพื่อนออกมาจากบ้าน มาจุดเตาถ่านรมควันตัวเองเสียชีวิตอยู่ภายในรถ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News