สังคม

ทาสยาคลั่ง อาละวาดชิงรถหนี ไล่ฟันตำรวจ-แท็กซี่เจ็บ ต้องยิงสกัด 2 นัด ถึงสิ้นฤทธิ์

โดย nattachat_c

25 เม.ย. 2567

311 views

วันนี้ (25 เม.ย. 67) พันตำรวจโทประสงค์ อินเสมียนสารวัตร (สอบสวน) สภ.พระประแดง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกทำร้าย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ กับโชเฟอร์รถแท็กซี่ จากนั้น จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ


จุดเกิดเหตุ บริเวณใต้ทางด่วนกาญจนาภิเษก ตำบลบางครุ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พบรถกระบะ isuzu สีบรอนซ์เงิน ตรวจสอบสภาพรถ กระจกประตูข้างขวาตรงคนขับแตก และมีคราบเลือดบริเวณเบาะคนขับ แต่ไม่พบผู้ขับขี่  ห่างไปประมาณประมาณ 500 เมตร พบเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 10 นาย กำลังควบคุมตัวนายสมิง ยะนานรัมย์ อายุ 40 ปี อยู่หมู่ที่ 7 ตำบลลำดวน อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ นอนอยู่ที่พื้น เอะอะโวยวายคล้ายเหมือนคนหลอนยา ได้รับบาดเจ็บมีร่องรอยการถูกอาวุธปืนยิงบริเวณที่ต้นขาขวาจำนวน 1 นัด


จากนั้น ทางที่ตำรวจจึงให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิปอเต็กตึ้งนำตัวส่งโรงพยาบาลบางจาก เพราะนายสมิงได้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดสปาต้าปลายแหลมยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจ และคนขับรถแท็กซี่ จนได้รับบาดเจ็บ


จุดเกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย คือ สิบตำรวจตรี ฐิตพัฒน์ รวมพลังเอก อายุ 23 ปี ผบ.หมู่ (ป)สภ.พระประแดง ได้รับบาดเจ็บถูกมีดแทงเข้าที่ราวนมข้างซ้ายบาดเจ็บเล็กน้อย ฝ่ามือทั้งสองข้างมีร่องรอยถลอก และหัวเข่าขวาที่ถูกมีดแทง จนขากางเกงขาดช้ำเป็นรอย


และอีกหนึ่งคนคือ นายวีระ อายุ 53 ปี (โชเฟอร์แท็กซี่) ได้รับบาดเจ็บถูกอาวุธมีดฟันที่แขนข้างซ้าย


และพบรถแท็กซี่สีเขียวเหลือง ยี่ห้อโตโยต้า จอดอยู่ข้างทาง ก่อนเข้าด่านเก็บเงินบางครุ 2 สภาพรถได้รับความเสียหาย กระจกประตูข้างขวาตรงคนขับแตก

-------------

จากนั้น ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่า

ทาง สิบตำรวจตรี ฐิตพัฒน์ รวมพลังเอก อายุ 23 ปี ผบ.หมู่(ป)สภ.พระประแดง กับ สิบตำรวจตรี เอกพล กิตติลาภ อายุ 24 ปี ผล.หมู่ (ป)สภ.พระประแดง ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.พระประแดง ว่า มีเหตุขอความช่วยเหลือบริเวณจุดเกิดเหตุ ถึงได้เดินทางไปตรวจสอบ


พบกระบะ isuzu สีบรอนซ์เงิน จอดอยู่บริเวณใต้ทางด่วนกาญจนาภิเษก และพบ นายสมิง มีอาการเอะอะโวยวาย จากนั้น จึงเดินเข้าไปสอบถาม เห็นกระจกรถประตูข้างขวาตรงคนขับแตก และมีเลือดหยดตรงเบาะคนขับ ตำรวจจึงสอบถามว่าได้รับบาดเจ็บอะไรมา แต่นายสมิงขึ้นไปในรถ หยิบอาวุธมีดที่ก่อเหตุ ไล่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนตำรวจต้องวิ่งหนีจากกระบะที่จอด


จนไปถึงทางแยก ที่ห่างกันประมาณ 200 เมตร ตำรวจได้ล้มลง จึงถูกนายสมิงใช้อาวุธมีดแทงหลายครั้ง จนได้รับบาดเจ็บ ทางตำรวจได้ยิงปืนขึ้นฟ้าจำนวน 1 นัด จากนั้น นายสมิงได้วิ่งหนีไปห่างไปประมาณ 300 เมตร บริเวณทางด่วนกาญจนาภิเษก ใกล้ถึงด่านเก็บเงินบางครุ 2 แล้วไปก่อเหตุทำร้ายคนขับแท็กซี่ที่มีผู้โดยสารอยู่ในรถ ที่กำลังเข้าด่านเพื่อจะจ่ายเงิน จนคนขับแท็กซี่ได้รับบาดเจ็บ


ทางตำรวจได้ตามเข้าไปช่วย และบอกให้หยุด แต่นายสมิงไม่หยุด จึงได้ยิงปืนเพื่อสกัดกั้นจำนวน 2 นัด ถูกนายสมิ เข้าที่บริเวณเอวข้างขวา และต้นขาขวาจำนวน 2 นัด จากนั้น ตำรวจทั้ง 2 ราย จึงขอกำลังเสริม และมาควบคุมตัวไว้ได้


จากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ตรวจค้นภายในรถ และกระเป๋าสตางค์สีดำ ซึ่งมีเอกสารประจำตัวบัตรประชาชน ชื่อ นายวินัย พวงจันดา อายุ 32 ปี ที่อยู่หมู่ที่ 10 ตำบลตาคง อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานกับผู้ก่อเหตุ มีอาชีพเป็นช่างอู่รถยนต์ แถวซอยบางบอน 5 แขวงบางบอนใต้ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร


ซึ่งเมื่อเวลาประมาณ 21.30 น วันที่ 24 เมษายน 2567 นายสมิงได้ก่อเหตุพยามทำร้ายร่างกายเพื่อนร่วมงาน และญาติ ที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันที่อู่ จนทุกคนต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอด และจากนั้น ได้ทำลายรถยนต์ที่จอดในอู่ เสียหายไป 3-4 คัน


แล้วจากนั้น จึงได้ขับรถกระบะออกมาจากอู่ และมาจอดเสียอยู่บริเวณที่จุดเกิดเหตุในพื้นที่ สภ.พระประแดง โดยทางนายวินัย (เจ้าของรถ) และญาติ ที่นายสมิงพยายามจะทำร้าย ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.แสมดำ ขณะนี้ ผู้ก่อเหตุได้นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลบางจาก โดยมีจัดเจ้าหน้าที่ไปเฝ้า เพราะอาการผู้ก่อเหตุเหมือนหลอนยาเสพติด


ล่าสุด จากการตรวจปัสสาวะ พบมีสารเมทกับเฟตามีน (ยาบ้า) ภายในร่างกาย


ตำรวจที่จับกุมจึงแจ้งข้อหานายสมิง พยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่ / พยายามชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ / ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย / พกพาวุฒิมีดไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยเปิดเผยและไม่มีเหตุอันควร / เสพสารเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ขณะขับรถ


จากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงนำของกลางอาวุธมีด ส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


จากการสอบถามนายสมิง นะรานรัมย์ อายุ 40 ปี อาศัยอยู่หมู่ 7 ตำบลลำดวน อำเภอกะสังข์ จังหสัดบุรีรัมย์ (ผู้ก่อเหตุ) ที่นอนร้องครวญคราง ด้วยความเจ็บปวดและทรมาน ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตนเองได้รับบาดเจ็บที่ขา เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิง โดยอ้างว่าตนเองป้องกันตัว แล้วบอกว่า ตนเองไม่ได้กินเหล้า


จากการสอบถามนายวีระ อายุ 53 ปี อยู่หมู่ 2 ตำบลระแงง อำเภอคีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ (คนขับรถแท็กซี่) ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตนเองได้รับบาดเจ็บที่แขนด้านซ้าย โดยถูกมีดฟัน จากชายคุ้มคลั่งซึ่งเขาหนีตำรวจมา ซึ่งตนเองจอดรถติดอยู่หน้าด่านทางด่วนเพื่อที่จะรับบัตร แต่ชายคนดังกล่าวได้วิ่งมา และเคาะกระจก หลังจากนั้น ตนเองจึงลดกระจกลง จากนั้นผู้โดยสารเห็นจึงแจ้งกับตนเองว่า พี่ ๆให้รีบเอากระจกขึ้น เพราะผู้โดยสารเห็นมีด


หลังจากปิดกระจกแล้วชายคนดังกล่าวได้เอามีดทุบกระจกแตก และสู้กันในรถแท็กซี่ แต่ตนเองพลาดท่าถูกชายคุ้มคลั่งเอามีดแทงที่แขนข้างซ้าย ได้รับบาดเจ็บ


โดยตนเองก็หนีมาฝั่งเบาะคนนั่งแล้ว แต่ไม่พ้น ซึ่งเขาได้ฟันหลายทีแต่โดน 1 ครั้ง เหตุการณ์ในครั้งนี้ ตนเองตกใจมาก ยอมรับว่าเสียเปรียบ เพราะเขามีมีด และตนเองก็เป็นห่วงผู้โดยสารด้วย


ผู้โดยสารแท็กซี่ อายุ 34 ปี เล่าว่า ตนนั่งรถแท็กซี่มาจากบิ๊กซีสำโรงใต้ กำลังจะกลับบ้านที่สุขสวัสดิ์ 66 มาถึงจุดเกิดเหตุ บริเวณใต้ทางด่วนกาญจนา เห็นผู้ก่อเหตุวิ่งมาจากไหนไม่รู้ ซึ่งวิ่งมาทางรถแท็กซี่ และพยายามคุยกับคนขับแท็กซี่ และให้ลดกระจกรถคุยกัน ตนสังเกตเห็นว่าผู้ก่อเหตุมีอาวุธ จึงบอกให้แท็กซี่ปิดกระจกรถ พร้อมบอกว่า ผู้ก่อเหตุมีอาวุธมาด้วย และผู้ก่อเหตุจึงได้ใช้อาวุธฟันเข้ามาที่กระจกรถจนแตก และยื้อยุดอยู่กับคนขับแท็กซี่ ขณะนั้น มีตำรวจมาพอดี จึงได้มีการปะทะกัน และตำรวจสามารถจับกุมตัวได้พอดี


นายปรีวรรณ โต๊ะยี อายุ 36 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตนขับรถกำลังจะกลับบ้านที่พระประแดง มาถึงบริเวณใต้เลียบด่วนบางครุ เห็นมีรถตำรวจจอดอยู่พร้อมกับรถกระบะที่มีร่องรอยแตกด้านกระจกคนขับรถ ตนจึงขับผ่านไปถึง 4 แยกบางครุ ก็มาเห็นตำรวจที่เหมือนกำลังไล่ตามผู้ก่อเหตุที่เป็นชายคลั่ง พร้อมถืออาวุธมีดไล่ฟันชาวบ้านที่ขับรถผ่านเส้นนั้นตลอดทาง


ตำรวจก็พยายามจับกุม แต่ด้วยเขามีอาวุธ จึงไม่ได้สามาถจับตัวได้ในทีแรก ก็ยื้ออยู่สักพัก และตำรวจพลาดล้ม ผู้ก่อเหตุจึงนำอาวุธไปฟันตำรวจ ตำรวจลุกได้จึงได้ยิงปืนสวนไป 1 นัด และผู้ก่อเหตุก็วิ่งหนีมาทางตน ตนจึงขับรถพยายามหนี พอหนีได้ ก็เห็นว่าผู้ก่อเหตุวิ่งไปอีกทาง และไปหาคนที่ขับรถผ่านเส้นนั้น ตนจึงตะโกนคนขับรถผ่านไปมา ให้เลี่ยงเส้นทางนี้ก่อน เพราะมีชายคลั่งอาละวาดอยู่ และอาจจะบุกทำร้ายผู้สัญจรไปมาพร้อมชิงรถไปด้วย พอผู้ก่อเหตุไม่ได้รถ จึงหนีไปอีก ซึ่งตนก็มีธุระด้วย จึงไม่ได้ตามต่อ


สิบตำรวจตรี ฐิตพัฒน์ รวมพลังเอก ผบ.หมู่ (ป) สภ.พระประแดง ตำรวจผู้ได้รับบาดเจ็บ เล่าว่า ได้รับแจ้งเหตุ จึงรีบไปตรวจสอบ เมื่อถึงจุดเกิดเหตุ ก็ไปพบชายต้องสงสัยเดินอยู่รอบรถ ชายคนดังกล่าวอ้างว่ารถคันดังกล่าวเป็นของตนเอง แต่รถคันดังกล่าวมีร่องรอยการถูกทุบกระจก และที่เบาะพบรอยเลือด


แสดงจึงสอบถามผู้ต้องหาว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่แต่ เขาบอกว่าไม่ได้รับบาดเจ็บ ถ้าพี่ไม่ได้รับบาดเจ็บแล้วรอยเลือดมาจากไหน และในขณะเดียวกันตนเองยืนห่งกันเล็กน้อยชายคนดังกล่าวได้คว้ามีดออกมาแทงเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 1 ครั้ง จึงหันหลังและรีบวิ่งหนีเพื่อตั้งหลัก โชคดีที่ ตนเองใส่เสื้อเกราะจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้น คนร้าย ได้วิ่งไล่ตามคว้ามีดแทงอีกรอบ แต่ตนเองพลาดสะดุดล้มทำให้คนร้าย นำมีดมาแทงที่ขากางเกง ซึ่งตนเองมาด้วยกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกหนึ่งนาย หลังจากนั้นเป็นเหตุให้ตนเอง ต้องใช้อาวุธปืนเพื่อยิงสกัดไปจำนวน 1 นัด เพื่อเป็นการยิงครูโดยยิงลงที่พื้นจากนั้นชายคนดังกล่าวจึงได้วิ่งหลบหนี หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวได้ไปก่อเหตุ รถแท็กซี่สาธารณะโดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิ่งไล่ติดตาม


นายวินัย พวงจันดา อายุ 33 ปี เพื่อนร่วมงาน (เบลอหน้าด้วย) เล่าว่า เถ้าแก่โทรมาบอกว่าผู้ก่อเหตุป่วยอาเจียนเป็นเลือดออกมา ตนจึงไปดูอาการ เห็นเลือดออกมาจริง จึงไปหาเอายามาให้ และพยายามจะพาไปโรงพยาบาล ซึ่งตนให้น้องขึ้นไปดูอาการรอบแรกก็ไม่เป็นอะไร แต่พอขึ้นไปดูรอบสองจู่ๆผู้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดฟันที่แขนของน้องได้รับบาดเจ็บ หลังจากฟันน้องผู้ก่อเหตุเกิดอาการคลุ้มคลั่งและทำลายทรัพย์สินซึ่งเป็นรถของลูกค้าที่นำมาทำสีรถจนเสียหายหลายคัน และยังมาทุบรถของตนจนพังเสียหายอีก ขณะนั้นผู้ก่อเหตุยังคงอาละวาดไล่ทำร้ายคนอื่นอีก ทั้งครอบครัวตน พากันวิ่งหนีกันไปคนละทิศ คนละทางเลยเพื่อเอาตัวรอดไว้ก่อน ส่วนผู้ก่อเหตุหลังอาละวาดเสร็จ จึงขโมยกุญแจรถตนและขับหนีออกมา ตนจึงพยายามไล่ตามแต่ไม่ทัน ผู้ก่อเหตุขับหนีไปไกลแล้ว ตนจึงเข้าแจ้งความ สน.แสมดำ และได้รับสายจากเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.พระประแดง ว่าพบรถของตนโผล่ที่ใต้เลีบยด่วนทุ่งครุ ตนจึงเข้ามาดูและพบว่าเป็นรถตนจริงๆ


ผู้ก่อเหตุมีนิสัยชอบกินเหล้า และมีอาการคล้ายคนติดยาเสพติด ผู้ก่อเหตุเขาไม่มีครอบครัวแต่มีลูก 1 คน ไม่แน่ใจว่าได้แยกย้ายกับภรรยาหรือไม่ ซึ่งเขามาทำงานกับตนได้เพียง 3-4 ปี

-------------

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/pTIB5nqVW2A

คุณอาจสนใจ

Related News