ต่างประเทศ

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก 'สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3'

โดย chiwatthanai_t

6 พ.ค. 2566

66 views

วันนี้ ผู้คนนับล้านทั่วสหราชอาณาจักรและทั่วโลก ร่วมชมพระราชพิธีครั้งประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักร พระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ซึ่งเป็นพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรกในรอบ 70 ปี นับตั้งแต่ปี 1953 ติดตามภาพบรรยากาศจากรายงานชิ้นนี้


พระราชพิธีบรมราชาภิเษกเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ เมื่อเวลา 10 นาฬิกา 20 นาที ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 16 นาฬิกา 20 นาที ตามเวลาในบ้านเรา ขบวนพระราชพิธีของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา ซึ่งประทับอยู่บนราชรถพัชราภิเษก เคลื่อนออกจากพระราชวังบักกิงแฮม มุ่งหน้าไปยังมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์


ขบวนพระราชพิธี ประกอบไปด้วย กองดุริยางค์ทหารม้ารักษาพระราชวัง, กองพันทหารม้าบลูส์แอนด์รอยัลส์, ราชรถราชาภิเษก, และกองทหารรักษาพระองค์ เคลื่อนออกจากพระราชวังฯ ไปตามถนนเดอะมอลล์ มุ่งหน้าสู่จัตุรัสทราฟัลการ์


ก่อนจะเลี้ยวเข้าถนนไวต์ฮอลล์ และถนนรัฐสภา จากนั้นจะเข้าสู่จัตรัสรัฐสภา และอาคารบอร์ด แซงชวลรี่ (Board Sanctuary) เพื่อไปยังประตูใหญ่ทิศตะวันตกของมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ซึ่งตลอด 2 ข้างจะมีทหารจากกองทัพบก, กองทัพเรือ, และกองทัพอากาศยืนถวายการอารักขากว่า 1 พันนาย


ขณะที่มีประชาชนจำนวนมากมาเฝ้ารับชมขบวนเสด็จ ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาเล็กน้อย ตามคาดการณ์ของพยากรณ์อากาศอังกฤษ ที่ประกาศไว้ตั้งแต่เมื่อวานนี้


เวลา 11 นาฬิกา ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 17 นาฬิกาตามเวลาบ้านเรา สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา เสด็จถึงมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ทางประตูใหญ่ด้านทิศใต้ ซึ่งจะมีการประกอบพิธีกรรมตามขนบธรรมเนียมที่ยึดถือมานานกว่า 1,000 ปี


พระราชพิธีประกอบไปด้วย 6 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่ การถวายความจงรักภักดี, การกล่าวคำปฏิญญา, การเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์, การถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์และสวมพระมหามงกุฎ, การประทับบนพระราชบัลลังก์, และการประกอบพระราชพิธีสำหรับพระราชินี


โดยขั้นตอนที่สำคัญที่สุด และเป็นไฮไลท์ที่หลายคนเฝ้ารอชม คือ การประทับบนพระราชอาสน์เซนต์เอ็ดเวิร์ดที่มีอายุมากกว่า 700 ปี และการสวมพระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ด น้ำหนักกว่า 2 กิโลกรัม ลงบนพระเศียรของพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ซึ่งตลอดพระชนม์ชีพ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะได้ทรงพระมหามงกุฎนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น


จากนั้น มีการเป่าแตรและยิงสลุตทั่วสหราชอาณาจักรอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยยิงสลุต 62 นัด จากหอคอยแห่งลอนดอน และอีก 6 นัด จากลานสวนสนามของกองทหารม้ารักษาพระองค์ นอกจากนี้ ยังมีการยิงสลุต 21 นัด จากสถานที่อีก 11 แห่งทั่วสหราชอาณาจักร



ลำดับถัดมา สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เสด็จจากพระราชอาสน์เซนต์เอ็ดเวิร์ด ไปประทับบนพระราชบัลลังก์กลางมหาวิหาร อันเป็นสัญลักษณ์ของการขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการ โดยมีเจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ ทรงเข้าเฝ้าถวายความจงรักภักดีเพียงพระองค์เดียว และเจ้าชายวิลเลียมทรงจุมพิตพระราชบิดา สร้างความประทับใจให้กับประชาชนทั่วโลกที่เฝ้ารับชม


ลำดับต่อมา เป็นการสถาปนาแต่งตั้งสมเด็จพระราชินีคามิลลา โดยนักบวชเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ ถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์สำหรับพระอัครมเหสี และถวายการสวมพระมหามงกุฎควีนแมรี ที่ประดับด้วยเพชร 2 พัน 200 เม็ด มีน้ำหนัก 590 กรัม โดยขั้นตอนต่าง ๆ จะเรียบง่ายกว่าพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์



จากนั้นสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลาเสด็จลงจากพระราชอาสน์ เพื่อไปยังโบสถ์น้อยเซนต์เอ็ดเวิร์ด ภายในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ เพื่อเปลี่ยนพระมหามงกุฎที่ทรงอยู่ จากพระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ดมาเป็นพระมหามงกุฎอิมพีเรียล ก่อนเสด็จออกจากมหาวิหาร เสด็จกลับพระราชวังบักกิงแฮม เพื่อเสด็จออกสีหบัญชรทักทายพสกนิกร


สำหรับขบวนเสด็จใช้เส้นทางเดิม แต่ราชรถที่ประทับเปลี่ยนมาใช้ราชรถทองคำอายุเก่าแก่ 260 ปี ซึ่งเป็นราชรถที่ใช้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกมา ตั้งแต่เริ่มต้นรัชสมัยของพระเจ้าวิลเลียมที่ 4 เมื่อปี 1831 พร้อมกันนี้ เจ้าชายแห่งเวลส์และพระชายา รวมทั้งพระโอรสและพระธิดาคือเจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ และเจ้าชายลูอีส์ ทรงเข้าร่วมในขบวนเสด็จขากลับนี้ด้วย โดยประทับในราชรถที่แล่นตามหลังราชรถทองคำ


และเมื่อเวลา 14 นาฬิกา 25 นาที ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 20 นาฬิกา 25 นาที ตามเวลา สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา เสด็จออกสีหบัญชร ณ พระราชวังบักกิงแฮม ตามราชประเพณีที่เคยมีมา เพื่อทักทายเหล่าพสกนิกร โดยพระบรมวงศานุวงศ์ที่ร่วมในการเสด็จออกสีหบัญชรในครั้งนี้ ได้แก่ เจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์พร้อมด้วยพระโอรสและพระธิดา พระราชวงศ์ที่ยังทรงงานอย่างเป็นทางการ รวมทั้งหลาน ๆ และพระญาติฝ่ายสมเด็จพระราชินีคามิลลา


จากนั้นฝูงเครื่องบินรบจากทุกเหล่าทัพบินผ่านเหนือพระราชวังบักกิงแฮม บินถวายพระเกียรติเป็น 6 นาที และปิดท้ายด้วยการแสดงของฝูงบินผาดแผลงจากกองทัพอากาศ อันเป็นสัญญาณเสร็จสิ้นการเฉลิมฉลองพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

คุณอาจสนใจ

Related News