ต่างประเทศ

ช่วงเวลาประวัติศาสตร์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก 'สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3' ยิ่งใหญ่

โดย passamon_a

7 พ.ค. 2566

147 views

เมื่อวันที่ 6 พ.ค.66 ผู้คนทั่วโลกได้รับชมพระราชพิธีครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์จากสหราชอาณาจักร พระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ที่มีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี


พระราชพิธีเริ่มต้นด้วย สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 พร้อมสมเด็จพระราชินีคามิลลา เสด็จพระราชดำเนินออกจากพระราชวังบักกิงแฮม ไปยังมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ในกรุงลอนดอน ด้วยราชรถพัชราภิเษก โดยมีประชาชนจำนวนมากเฝ้ารอชมขบวนเสด็จตามสองข้างทางของถนน ท่ามกลางสายฝนที่โปยปรายลงมาตามการพยากรณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา


ขบวนเสด็จซึ่งประกอบไปด้วย กองดุริยางค์ทหารม้ารักษาพระราชวัง, กองพันทหารม้าบลูส์แอนด์รอยัลส์, ราชรถราชาภิเษก และกองทหารรักษาพระองค์ เคลื่อนไปตามถนนเดอะมอลล์ ผ่านจัตุรัสทราฟัลการ์ เข้าสู่ถนนไวต์ฮอลล์และถนนรัฐสภาตามลำดับ จากนั้นเคลื่อนเข้าสู่จัตุรัสรัฐสภาและอาคารบอร์ดแซงชวลรี่ ไปยังมหาวิหารฯ ซึ่งตลอด 2 ข้างมีทหารจากกองทัพบก, กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ยืนถวายการอารักขากว่า 1 พันนาย


เวลาประมาณ 17 นาฬิกา ตามเวลาบ้านเรา สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา เสด็จมาถึงมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ทางประตูใหญ่ด้านทิศใต้ ซึ่งในเวลานั้น พระบรมวงศานุวงศ์ รวมถึงแขกคนสำคัญจากทั้งในและต่างประเทศ ได้เดินทางมาถึงมหาวิหารแล้ว


เมื่อเสด็จเข้าสู่มหาวิหารฯ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ซึ่งทรงฉลองพระองค์แบบบุรุษโบราณ และสมเด็จพระราชินี เสด็จประทับบนพระราชอาสน์แห่งฐานันดรเพื่อประกอบพิธีรับรองความเป็นกษัตริย์ จากอาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอเบอรี ซึ่งมีการป่าวประกาศว่า สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 คือกษัตริย์พระองค์ใหม่ของพวกเราอย่างไม่ต้องสงสัย จากนั้นผู้เข้าร่วมพิธีก็จะขานรับว่า "ขอให้พระเจ้าคุ้มครองพระราชา" หรือ "God Save the King"


ขั้นตอนที่ 2 อาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอเบอรี ได้ถวายคัมภีร์ไบเบิล และกราบบังคมทูลให้กษัตริย์พระองค์ใหม่ทรงกล่าวคำปฏิญาณว่า พระองค์จะทรงพิทักษ์รักษากฎหมายของแผ่นดินและศาสนจักรอังกฤษด้วยความยุติธรรมและพระเมตตา โดยทรงลงพระปรมาภิไธยเป็นลายลักษณ์อักษรตามกฎหมายด้วย


หลังจากเสร็จสิ้นพิธีในขั้นตอนที่ 2 แล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนที่ 3 ซึ่งถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มากที่สุด คือ การเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ที่ทำมาจากมะกอกในนครเยรูซาเลม แต่พระราชพิธีในขั้นตอนนี้มีการใช้ผ้าคลุมเป็นดานและม่านปิดบังสายตาเอาไว้ และไม่มีการถ่ายทอดสดให้ผู้คนทั่วไปได้รับชม เนื่องจากเป็นพิธีระหว่างกษัตริย์กับพระเจ้า


อาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอเบอรีจะเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์เป็นเครื่องหมายกางเขนลงบนพระนลาฏ หรือหน้าผาก, พระอุระ หรือหน้าอก และพระหัตถ์ หรือมือทั้งสองข้างของกษัตริย์ ขณะทรงประทับอยู่บนพระราชอาสน์เซนต์เอ็ดเวิร์ด ระหว่างนั้นคณะนักร้องประสานเสียงได้ขับขานบทเพลง เซดอก เดอะ พรีสต์ (Zadok the Priest) ซึ่งเป็นบทเพลงที่ถูกใช้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตั้งแต่สมัยพระเจ้าจอร์จที่ 2 เมื่อปี พ.ศ.2270


หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการเจิมน้ำมันและเปลี่ยนฉลองพระองค์ อาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอเบอรี รวมถึงบุคคลสำคัญที่เป็นผู้แทนจากองค์กรศาสนาต่าง ๆ และผู้แทนสตรี ได้ร่วมถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์แด่สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เช่น เดือยรองเท้าขี่ม้า, พระแสงดาบ, กำไล, ฉลองพระองค์คลุม, พระลูกโลกประดับกางเขน และพระคฑา


และก็มาถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด คือ การสวมพระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ด น้ำหนักกว่า 2 กิโลกรัม ลงบนพระเศียรของกษัตริย์พระองค์ใหม่ ซึ่งตลอดพระชนม์ชีพ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะได้ทรงพระมหามงกุฎนี้เพียงครั้งเดียว คือ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จากนั้นเหล่าพระราชวงศ์และขุนนางจะสวมจุลมงกุฎของตนเอง และกล่าวถวายพระพรโดยพร้อมเพรียงกัน


ลำดับถัดมา สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์เสด็จจากพระราชอาสน์เซนต์เอ็ดเวิร์ด ไปประทับบนพระราชบังลังก์กลางมหาวิหาร โดยมีเจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ องค์มกุฏราชกุมาร ทรงเข้าเฝ้าถวายความจงรักภักดี ทรงปฏิญาณว่าจะรับใช้และสละพระชนม์ชีพเพื่อพระราชบิดา และเจ้าชายวิลเลียมทรงจุมพิตพระราชบิดา สร้างความประทับใจให้กับประชาชนทั่วโลกที่เฝ้ารับชม


หลังจากนั้นก็เป็นพระราชพิธีอภิเษก หรือการสถาปนาแต่งตั้งสมเด็จพระราชินี โดยมีการเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์, ถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ และถวายการสวมพระมหามงกุฎควีนแมรี ที่ประดับด้วยเพชร 2 พัน 200 เม็ด มีน้ำหนัก 590 กรัม


หลังจากพิธีการดังกล่าวเสร็จสิ้น สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเปลี่ยนพระมหามงกุฎที่โบสถ์น้อยเซนต์เอ็ดเวิร์ดของมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ จากพระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ดเป็นพระมหามงกุฎอิมพิเรียล และทรงขึ้นไปประทับบนราชรถทองใหญ่ที่มีอายุเก่าแก่ถึง 260 ปี เสด็จกลับไปยังพระราชวังบักกิงแฮม พร้อมกันนี้ เจ้าชายแห่งเวลส์และพระชายา รวมทั้งพระโอรสและพระธิดา คือ เจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ และเจ้าชายลูอีส ทรงเข้าร่วมในขบวนเสด็จขากลับนี้ด้วย โดยประทับในราชรถที่แล่นตามหลังราชรถทองคำ


เมื่อเวลา 14 นาฬิกา 25 นาที ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 20 นาฬิกา 25 นาที ตามเวลาบ้านเรา สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา เสด็จออกสีหบัญชร ณ พระราชวังบักกิงแฮม ตามราชประเพณีที่พระราชวงศ์อังกฤษทรงยึดถือปฏิบัติมาโดยตลอด พร้อมกับพระบรมวงศานุวงศ์องค์อื่น ๆ เพื่อทักทายเหล่าพสกนิกรที่มารอเฝ้าชมพระบารมี บนถนนไวต์ฮอลล์ ด้านหน้าพระราชวัง


จากนั้นฝูงเครื่องบินรบจากทุกเหล่าทัพบินผ่านเหนือพระราชวังบักกิงแฮม บินถวายพระเกียรติเป็นระยะเวลา 6 นาที และปิดท้ายด้วยการแสดงของฝูงบินผาดแผลงจากกองทัพอากาศ ที่ได้รับฉายาว่า "ลูกศรสีแดง หรือ เดอะ เรด แอร์โรวส์ (The Red Arrows)" อันเป็นสัญญาณเสร็จสิ้นการเฉลิมฉลองพระราชพิธีบรมราชาภิเษก


คุณอาจสนใจ

Related News