พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ‘ทมยันตี’

บรรยากาศงานบำเพ็ญกุศลของนักเขียนชั้นครู คุณหญิงวิมล ศิริไพบูลย์ หรือ ‘ทมยันตี’ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2555 ซึ่งถึงแก่กรรมอย่างสงบในวัย 85 ปี เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา ขณะนั่งสมาธิอยู่ที่ล้านนาเทวาลัย โดยก่อนหน้านี้ทางครอบครัวได้ตั้งศพที่วัดบวกครกใต้ ตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้ลูกศิษย์ได้มากราบและแสดงความเคารพเป็นครั้งสุดท้าย

ล่าสุดเมื่อวานนี้ทางครอบครัวได้เคลื่อนร่าง ทมยันตี มาจัดพิธีบำเพ็ญกุศลที่ศาลา 10 วัดมกุฎกษัตริยาราม ราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร

ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานน้ำหลวงอาบศพแก่ คุณหญิงวิมล ศิริไพบูลย์ หรือ ทมยันตี พร้อมพวงมาลาหลวงวางหน้าหีบศพ

ซึ่งบรรยากาศภายในงานเมื่อวานนี้ ก็เป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีนักเขียน ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ ทมยันตี รวมถึงแฟนๆ นวนิยายเดินทางมาร่วมไว้อาลัยกับการจากไปครั้งนี้ ขณะที่ ลูกชายทั้ง 3 คน ของ ทมยันตี ได้เผยข้อความจากหัวใจถึงการสูญเสียในครั้งนี้ว่า

“การจากไปของคุณแม่ในครั้งนี้ ถือเป็นความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่ทันได้ตั้งตัว แม้คุณแม่จะพูดเรื่องนี้กับลูกๆกันอยู่เสมอ แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเวลาได้มาถึง มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด แม่ได้จากไปโดยยังไม่ทันได้ร่ำลากัน เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้ คุณแม่เป็นทุกอย่างในชีวิต ท่านเป็นทั้งแม่ พ่อ และเพื่อน เราอยู่ด้วยกันเสมอ ไม่ว่าจะยามสุขหรือทุกข์เราไม่เคยทิ้งกัน แม่คอยสนับสนุนอยู่ตลอด ในเวลานี้ คุณแม่ได้จากไปอย่างสงบ แต่สิ่งที่หลงเหลืออยู่คือ ทุกความทรงจำที่ประทับอยู่ในใจของพวกเราทุกคน คำสอนที่แม่มีให้ ความรัก และความห่วงใยที่แม่มีให้กับพวกเรา

คุณแม่เหนื่อยเพื่อพวกเรามาโดยตลอด ถึงเวลาที่คุณแม่จะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ สุดท้ายท่านได้ก้าวผ่านสังขารนี้อย่างสง่างามด้วยความสงบ คุณความดี และวรรณกรรมอันมีค่าของท่านจะเป็นที่จดจำของพวกเราลูกหลานสืบไป”

โดยครอบครัวจะตั้งศพบำเพ็ญกุศล และจะมีพิธีสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 16 – 22 กันยายน ณ ศาลา 10 วัดมกุฎกษัตริยารามราชวรวิหาร และในวันที่ 23 กันยายน จะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในลำดับถัดไป

นอกจากนี้ครอบครัวยังได้เลือกผลงานเขียนของ ทมยันตี เรื่อง ชีวิตหลังความตาย ซึ่ง ทมยันตี ได้เขียนเมื่อปี 2555 และใช้นามปากกาในการเขียนหนังสือเล่มนี้ว่า มายาวดี เป็นงานเขียนแนวจิตวิญญาณและเรื่องเกี่ยวกับศาสนา มาเป็นหนังสือที่ระลึกงานศพด้วย