ธนาคารเชื่อ ขึ้นค่าแรงลูกจ้าง 5-8% ไม่กระทบความสามารถชำระหนี้ของผู้ประกอบการ

นางสาวชมภูนุช ปฐมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH Bank กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าจ้าง 5-8% จะกระทบกับเรียลเซคเตอร์อย่างมาก ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามเชื่อว่าก็จะมีประสิทธิภาพในการผลิตเพิ่มขึ้นเช่นกัน เพราะธุรกิจจะจ่ายให้กับทักษะของลูกจ้างที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคงไม่กระทบกับความสามารถในการผ่อนสินเชื่อ เพราะผู้ประกอบการจะจัดการได้


ส่วนลูกค้าที่เป็นรายย่อยของธนาคาร จะมีรายได้มาใช้จ่ายสอดรับกับต้นทุนค่าครองชีพที่สูงขึ้นจากอัตราเงินเฟ้อ อย่างในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แม้จะเป็นแรงกดดันเพิ่มขึ้น ทั้งค่าจ้าง วัตถุดิบ ภาษี แต่เป็นภาระที่ผู้ประกอบการรับทราบอยู่แล้ว ไม่ห่วง


ปัจจุบันผู้ที่มีรายได้ยังสามารถจ่ายให้กับของที่มีคุณภาพได้อยู่ เพียงแต่ปริมาณความต้องการซื้อคงไม่มากนัก ส่วนทิศทางดอกเบี้ยก็ต้องรอดู คณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย


แต่เชื่อว่าในขณะที่หลายประเทศประสบกับภาวะอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้น ซึ่งประเทศไทยก็เช่นกัน จึงเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายคงไม่ปรับขึ้นรุนแรงมาก ส่วน LH BANK คงปรับไปตาม 4 แบงก์ใหญ่ในตลาด ส่วนลูกค้าที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้หลังจากได้รับผลกระทบจากโควิด19 ซึ่งจากเดิมเคยเข้ารับการช่วยเหลือถึง 40% ของจำนวนลูกค้าทั้งหมด ขณะนี้เหลือเพียง 14% หากยังไม่สามารถฟื้นตัวก็จะยังช่วยเหลืออยู่ โดยปัจจุบันมี NPL 2.4% ยังคงอยู่ในกรอบที่ตั้งไว้ 2.5 ถึง 2.6 %


สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2565 ของกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีกำไรจากการดำเนินงานเติบโต 3.4% สินเชื่อเติบโต 8.9% ซึ่งเติบโตในทุก Segment โดยสินเชื่อธุรกิจเติบโต 7.2% , สินเชื่อรายย่อยเติบโตถึง 18.3 % ทั้งจากสินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อส่วนบุคคล รวมถึงการขยายตัวได้ดีของกลุ่มลูกค้าไต้หวัน ที่เติบโตถึง 49.8% และสินเชื่อ Trade Finance เติบโต 68% จากสิ้นปี 2564 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก CTBC ธนาคารเอกชนอันดับ 1 ของไต้หวัน ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่ม


รวมทั้งมองว่าในช่วงครึ่งหลังของปี เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะฟื้นตัวได้ภายในปีนี้ จากเดิมที่เคยคาดการณ์ว่าจะฟื้นต้นปีหน้า ขอเพียงไม่ให้โควิด-19 กลับมาระบาดหนักอีก