อาชญากรรม

คุมตัวหลาน ‘ชาดา’ ฝากขัง เสพยา-อาวุธปืน ด้าน ‘กิจจา’ โวย ตร. 2 มาตรฐาน

โดย olan_l

12 มิ.ย. 2567

54 views

ตำรวจแจ้งข้อหาเสพยาเสพติดเพิ่มกับ ญาติชาดาและกลุ่มเพื่อน ก่อนคุมตัวไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญา รัชดา


ความคืบหน้ากรณีตำรวจกองบังคับการสืบสวนนครบาล 1 บุกจับ นาย นายนรเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ นายกิจจา น.ส.วาลิส และน.ส.อัญชลีพร ได้ที่ห้องพักแห่งหนึ่งพายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่อยู่ภายในซอยเพชรบุรี 47 พร้อมยึดของกลางยาไอซ์ 6 ถุง อาวุธปืน 11 มม. จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน 6 นัด

เมื่อวานนี้หลังการสอบปากคำนานกว่า 6 ชั่วโมง ทั้ง 4 คนถูกคุมตัวอยู่ในห้องขังของ สน.มักกะสัน ทีแรกทนายความบอกว่าทั้งหมดไม่เครียดและไม่กังวล แต่พันตำรวจเอก อุรัมพร ขุนเดชสัมฤทธิ์ ผู้กำกับการ สน.มักกะสัน เปิดเผยว่า เมื่อคืนผู้ต้องหาทั้ง 4 คน พบว่ามีความเครียดชัดเจน โดยเฉพาะผู้หญิง 2 คน ที่จะพูดเพ้อตลอดเวลาว่า เรื่องเงินประกันตัว หากจะเอา 200,000 ก็พร้อมโอนทันที กระทั่งเมื่อช่วงเช้าขณะนำตัวทั้ง 4 คน มาพิมพ์ลายนิ้วมือ นางสาว วาลิส ถึงกับเป็นลม

นอกจากนี้นายกิจจา มีลักษณะคลุ้มคลั่งตะโกนเสียงดังตลอดเวลา จนมีปากเสียงกับนายนรเศรษฐ์ ทำให้ต้องแยกทั้งคู่คนละห้อง

กระทั่งราว 9 โมงเช้าวันนี้ ทนายความเดินทางมาเยี่ยมทั้ง 4 คน บออกว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย และเหตุการณ์นี้ก็ไม่ได้กระทบกับชื่อเสียงของนาย ชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วย เพราะเป็นคนละส่วนกัน

เมื่อช่วงบ่าย 2 โมงที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน.มักกะสัน คุมตัวทั้ง 4 คน ออกจากห้องขังไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังผัดแรก ท่ามกลางตำรวจคุมเข้ม โดยจังหวะที่กลุ่มผู้ต้องหาลงมาจากห้องควบคุมผู้ต้องหา บริเวณชั้น 2 ของโรงพัก ทีมข่าวของเราพยายามเข้าไปสอบถามกลุ่มผู้ต้องหา โดยเฉพาะนายนรเศรษฐ์ว่าอยากมีอะไรชี้แจงหรือไม่ รวมถึงรู้สึกอย่างไรที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยให้สัมภาษณ์ว่าหลานแสบและเกเร แต่เจ้าตัว ไม่ตอบคำถามใดๆ แต่การสังเกตสีหน้าพบว่า ค่อนข้างเคร่งเครียด

เช่นเดียวกับนาย กิจจา ที่เคยโวยวายเมื่อช่วงเที่ยงว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ไม่พูดอะไร และผู้ต้องหาหญิงอีก 2 คน ก็ไม่ตอบคำถามสื่อเหมือนกัน

สำหรับข้อหาที่ทั้ง 4 คนถูกดำเนินคดีได้แก่ เสพยาเสพติดประเภท 1 และร่วมกันครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาไอซ์)โดยไม่ได้รับอนุญาต นาย นรเศรษฐ์ โดนแจ้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรฯ เพิ่มเติม

ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการพิจารณาของศาลว่าจะอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวหรือไม่ หากศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว นาย นรเศรษฐ์ กับนาย กิจจา จะถูกส่งตัวไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพทันที ส่วนผู้หญิงอีก 2 คน จะส่งไปคุมขังทัณฑสถานหญิงกลาง หากมีรายละเอียดเรื่องการยื่นประกันตัวทีมข่าวจะรายงานให้ทราบอีกครั้ง

แต่ก่อนที่ตำรวจจะคุมตัวทั้ง 4 คน ไปฝากขัง ได้เกิดเหตุชุลมุนเล็กน้อย เมื่อ นาย กิจจา โวยวายกับนักข่าวว่าตำรวจสองมาตรฐาน ทั้งเรื่องไม่ให้ญาติเข้าเยี่ยมและการใช้มือถือในห้องขัง ไปดูบรรยากาศช่วงนี้

เวลา 11.30 น. ภรรยาและน้องสาวของนายกิจจา มาเยี่ยมที่ห้องขังของโรงพัก แต่ตำรวจเฝ้าหน้าห้องขังไม่อนุญาต โดยอ้างว่าหมดเวลาเยี่ยมแล้วให้รอตอนเที่ยง ทำให้นายกิจจา ที่ถูกคุมตัวอยู่ในห้องขังโวยวายเสียงดังออกมาทำนองว่า ญาติของผู้ต้องหาคนอื่นก็มาเข้าเยี่ยมไม่ตรงกำหนดเวลาแต่ทำไมตำรวจถึงให้เข้าเยี่ยมได้ ทำไมกรณีของตนไม่สามารถทำได้

เมื่อนักข่าวถามตำรวจที่เฝ้าหน้าห้องขัง บอกว่า นายกิจาโวยวายแบบนี้ทั้งคืน กระโดดไปมาอยู่ในห้อง ปีนลูกกรง โบกไม้โบกมือ และตะโกนคลุ้มคลั่งตลอดเวลา จนต้องแยกขังคนละห้องกับนาย นรเศรษฐ์ และตำรวจต้องเฝ้าดูผ่านกล้องวงจรปิดทั้งคืน

จากนั้นราวบ่ายโมงตำรวจนำตัวน.ส.วาลิส และน.ส.อัญชลีพร มาสอบปากคำ เพิ่มเติมในคดีเสพยาเสพติด เพราะผลตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วง จากการสังเกตขณะทั้งคู่สอบปากคำ พบว่าผ่อนคลายขึ้น

จากนั้นตำรวจคุมตัวนายกิจจา ออกมาจากห้องขังของโรงพัก เพื่อสอบปากคำต่อ ระหว่างที่เดินผ่านนักข่าว นายกิจจา โวยวายว่า "ผมไม่ได้รับความเป็นธรรม ผู้ต้องหาคนอื่นสามารถเล่นโทรศัพท์ภายในห้องขังได้" ไปดูบรรยากาศช่วงนี้

ตำรวจใช้เวลาสอบปากคำนายกิจจา ราว 1 ชั่วโมง ก่อนจะนำตัวเข้าห้องขัง แล้วคุมตัว นายนรเศรษฐ์ ออกมาสอบปากคำต่อ โดยเลี่ยงที่จะให้ทั้งคู่เผชิญหน้ากัน ซึ่งจากการสังเกตสีหน้าของนายนรเศรษฐ์นั้น ดูเคร่งเครียดมาก

ทีมข่าวได้สอบถามข้อเท็จจริงกับพ.ต.อ.อุรัมพร เรื่องที่นาย กิจจา โวยวาย ว่ามีบางคนได้ใช้มือถือในห้องขัง ผู้กำกับยืนยันว่า ตามระเบียบแล้ว ไม่สามารถเอาโทรศัพท์เข้าไปได้อยู่แล้ว คาดว่าที่ผู้ต้องหามีอาการแบบนี้ น่าจะเกิดจากความเครียด ประกอบกับนายกิจจา น่าจะเครียดเรื่องประกัน เพราะทั้ง 3 คนก็มีฐานะและนามสกุลดัง ตัวเขาเองอาจจะเคว้ง

จากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายกิจจา เคยถูกดำเนินคดี เมื่อปี 2565 ในพื้นที่ สน.ทุ่งครุ ข้อหาฉ้อโกง และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ต่อมาในปี 2566 ถูกดำเนินคดีข้อหานำเข้า ส่งออกจำหน่าย มีไว้ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ในจังหวัดอุทัยธานี ส่วนน.ส.วาลิส พบมีประวัติถูกดำเนินคดีฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน


https://youtu.be/5EgK1IDrZvE

คุณอาจสนใจ

Related News