อาชญากรรม
'ทนายพัช' ยันไม่ได้สละเรือ แยกทาง 'แอม ไซยาไนด์' ด้าน 'ทนายเดชา' ให้กำลังใจ แย้มอัยการจะอุทธรณ์เพิ่มโทษ
โดย nattachat_c
26 พ.ย. 2567
120 views
วานนี้ (25 พ.ย.) เวลา 12:10 น. น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัตร์ หรือ 'ทนายพัช' ทนายความของ นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ 'แอม ไซยาไนด์' เดินทางมายังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อยื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายความในคดีแอม ไซยาไนด์
โดยทนายพัชได้เปิดใจกับสื่อมวลชนในเรื่องการยื่นถอนตัวออกจากคดีแอมว่า วันนี้ ตนจะยื่นคำร้องเพื่อถอนตัวออกจากคดีดังกล่าวจริง โดยจะถอนทั้งคดีในส่วนของ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือ 'ก้อย' ที่มีคำพิพากษาไปแล้ว และอีก 14 คดี ที่พนักงานอัยการจะยื่นส่งฟ้องต่อศาล ในวันนี้ (26 พ.ย. 67) แต่ในเรื่องของรายละเอียดการถอนตัวนั้น ตนจะทำหนังสือแถลงการณ์แจ้งไปยังสื่อมวลชนอีกครั้ง
ส่วนสาเหตุเท่าที่เปิดเผยได้ เนื่องมาจากความคิดเห็นระหว่างตนและลูกความไม่ตรงกันในหลายประเด็น แต่ในส่วนตรงนี้ ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเป็นความลับของลูกความ ซึ่งตามข้อบังคับเรื่องมรรยาททนายความแล้ว ทนายความไม่สามารถเปิดเผยความลับของลูกความได้
อีกทั้งส่วนตัว ถือว่าทำหน้าที่เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วในศาลชั้นต้นแล้ว ส่วนในชั้นอุทธรณ์ ก็เป็นเรื่องของแอมได้มีโอกาสไปหาทนายความมาต่อสู้เอง หลังจากนี้ ตนก็คงไม่ย้อนกลับไปตำหนิลูกความ และจะไม่เปิดเผยความลับของลูกความ จะปล่อยให้ความลับตายไปกับตัวเอง
ผู้สื่อข่าวยังได้ถามต่อไปว่า สาเหตุของการตัดสินใจ ถอนตัวจากคดี แอม ไซยาไนด์ เป็นเพราะทนายพัชต้องคำพิพากษาจำคุก 2 ปี หรือไม่ ทนายพัชกล่าวว่า เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกัน เพราะตนได้พูดคุยกับแอม และตัดสินใจกันมาตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยมีหลักฐานคือ ใบคัดทะเบียนราษฎร์ของแอม ประกอบคำร้องถอนตัวจากการเป็นทนายความ ในคดีที่ลงวันที่ 16 ตุลาคม
เมื่อถามว่า การถอนคดีดังกล่าวนั้นจะเป็นการลอยแพแอมหรือไม่ ทนายพัช เผยว่า ไม่เกี่ยว ตนทำหน้าที่ของตนอย่างสมบูรณ์แล้ว ไม่ว่าศาลจะมีคำพิพากษามีผลเช่นไร ตนก็ตั้งใจจะมายื่นคำร้องหลังจากกระบวนการในศาลชั้นต้นเสร็จสิ้น ไม่ใช่เป็นการสละเรือรวมทั้งเปิดเผยอีกว่า ไม่ใช่เป็นเพราะแอมจะไม่ต่อสู้คดีอย่างแน่นอน เนื่องจากคำพูดสุดท้ายที่ตนได้พูดคุยกับแอมก็คือ 'แอมอุทธรณ์ต่อค่ะ'
โดยการพูดคุยว่า จะถอนตัวจากคดีนี้นั้น แอมก็ไม่ได้ว่าอะไรตน แต่ตนเชื่อว่าเขาก็อาจจะเสียใจ เพราะอยู่ด้วยกันมานาน
ส่วนฝั่งแอมได้พูดรั้ง หรือยื้อ ทนายพัชให้ทำคดีต่อหรือไม่ ทนายพัช บอกว่า มีค่ะ แต่จะห้ามอะไรได้ ก็ในเมื่อทนายไม่อยากทำ ทนายก็มีสิทธิ์ ลูกความก็มีสิทธิ์ เพราะว่าในการทำหน้าที่ทนายความ ตนเป็นเพียงแค่ตัวแทนเฉพาะกาล ไม่ได้เป็นตัวแทนตลอดไป เมื่องานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็มีสิทธิ์ที่จะถอนตัวเองออกมาได้ ถ้าเราไม่สบายใจหรือความเห็นเราไม่ตรงกัน มันก็เป็นเหตุผลของนักกฎหมายโดยแท้
ขณะเดียวกัน ลูกความก็มีโอกาสจะเลือกทนายความคนไหนก็ได้ด้วย แต่ส่วนตัวไม่ได้แนะนำทนายความให้กับแอม เพราะในเรือนจำ แอมก็น่าจะรู้จักทนายความเยอะ แต่ส่วนตัวมองว่า น่าจะหาทนายความมาทำคดีนี้ยาก เพราะคดี 'แอม ไซยาไนด์' เป็นคดีที่มีความซับซ้อน อย่างน้อยก็อยากให้ทนายคนอื่นได้พบความจริง หรือความลับ ในทางคดีของแอม ส่วนจะเป็นความจริง หรือความลับเกี่ยวกับเรื่องอะไรนั้น รอให้ทนายความคนใหม่ได้มาคัดคำพิพากษา และเห็นด้วยตาตัวเอง รวมทั้งให้ทนายคนใหม่มาพูดกับแอมเอง
ทนายพัชยัง ได้เปิดใจอีกว่า หลังจากนี้ ตนจะกลับมาทบทวนตัวเองว่า ผิดพลาดอะไรตรงไหน และจะเดินหน้าอุทธรณ์ต่อสู้คดีในส่วนของตัวเองต่อไป ถึงเวลาแล้วที่ต้องมาดูแลตัวเอง อย่างน้อยยังมีพยานหลักฐานที่นำสืบในชั้นศาล ซึ่งตนก็หวังว่าในชั้นอุทธรณ์ จะได้รับความเมตตาจากศาล โดยทนายพัชไม่โกรธที่คำให้การของแอมทำให้ตนต้องคำพิพากษาโทษจำคุก 2 ปี แต่แค่รู้สึกติดใจ เพราะที่ผ่านมา เวลาตนทำงานให้กับลูกความ ตนจะทำงานอย่างตรงไปตรงมา และตั้งแต่ตนเป็นทนายความมานั้น ตนไม่เคยมีเรื่องเสียหายมาก่อน ที่ผ่านมาก็เอาคนเข้าคุกมาแล้วหลายคน ผู้สื่อข่าวจึงได้ถามไปอีกว่า แล้วจะมีโอกาสกลับไปเยี่ยมแอมอีกไหม ทนายพัชบอกว่า คงไม่อีกแล้ว
อย่างไรก็ตาม การยื่นคำร้องขอคดีดังกล่าว จะสัมฤทธิ์ผลได้ก็ต่อเมื่อศาลมีคำสั่งให้ตนเองถอนจากการเป็นทนายความในคดีนี้ ซึ่งในระหว่างที่ศาลยังไม่มีคำสั่ง ตนก็จะยังคงคอยทำหน้าที่เป็นทนายความ และให้ความเป็นธรรมแก่ลูกความ จนกว่าศาลจะมีคำสั่ง ส่วนอดีตสามีแอมไซยาไนด์ ทนายพัชกล่าวว่า ตนไม่เคยพูดคุยด้วย และใช้ทีมทนายความคนละส่วนกัน ตนก็มีทนายความของตัวเอง
ทั้งนี้ ยังคงมีอีกประเด็นที่ตนต้องเดินหน้าต่อไป นั่นก็คือ การให้การต่อคณะกรรมการของ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทําให้บุคคลสูญหาย กรุงเทพมหานคร สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ในเรื่องของการจับกุมแอมโดยไม่ชอบตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทำร้ายและการกระทำที่ทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 หรือ พ.ร.บ.อุ้มหาย ซึ่งในส่วนนี้ ตนจะยังคงไปให้การกับคณะกรรมการ เพราะมีประเด็นที่ว่า ตำรวจชุดจับกุมยอมรับแล้วว่า การจับกุมแอมนั้น ไม่ชอบตามกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากไม่ได้แจ้งต่อฝ่ายปกครองให้รับทราบการจับกุม และตนจะยังคงเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไป เนื่องจากเป็นคดีอาญาแผ่นดิน
นอกจากนี้ ทนายพัช ยังได้เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า ไม่มีการไปแจ้งความดำเนินคดีในวันนี้ (26 พ.ย. 67) ตามที่ปรากฏเป็นข่าว เพียงแต่หลังจากนี้ เตรียมจะดำเนินการยื่นฟ้องตรงต่อศาลเพื่อเอาผิด แม่ของแอมกับพวกในข้อหาให้การเท็จกับเจ้าพนักงานตำรวจ แต่ยังขอไม่เปิดเผยรายละเอียดในส่วนนี้
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัตร์ หรือ 'ทนายพัช' ทนายความของนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์หรือ 'แอม ไซยาไนด์' เดินทางมาถึงศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อยื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายความในคดี 'แอม ไซยาไนด์' ปรากฏว่า ได้พบเจอโดยบังเอิญกับ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ซึ่งเป็นทนายฝ่ายผู้เสียหาย ขณะที่ ทนายเดชาเดินลงมาจากศาลพอดี ทั้งคู่ได้เดินปรี่เข้าไปพูดให้กำลังใจ และหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน แล้วได้จับไม้จับมือกันต่อหน้าสื่อมวลชน
จากนั้น ทั้งคู่ได้กอดคอให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยทางทนายเดชา ระบุว่า ที่จับมือกันก็เพื่อเป็นการให้กำลังใจทั้งฝ่ายทนายพัช โดยทางทนายพัชก็ได้พูดตอบกลับว่า ตัวทนายเดชาเองเป็นทนายอาวุโส ตนก็นับถือในฐานะทนายรุ่นพี่ และเป็นคนที่น่ารัก เวลาอยู่ในศาลก็จะแสดงบทบาทกันไป แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสื่อ เราทั้งคู่ก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง
ทนายเดชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ตนให้กำลังใจทนายพัช เพราะเนื่องจากตนได้มีโอกาสพูดคุยกับอัยการผู้อุทธรณ์คดีนี้ โดยเปิดเผยว่า จะยื่นอุทธรณ์ขอเพิ่มโทษจำคุกของทนายพัชจาก 2 ปี เป็น 5 ปี ส่วนของอดีตสามีแอมจะเพิ่มโทษหรือไม่ ตนไม่ทราบ ซึ่งเรื่องการอุทธรณ์เพิ่มโทษนั้น ก็ถือเป็นเรื่องปกติในทางกฎหมาย โดยในส่วนนี้ก็เป็นเรื่องที่ทางทนายพัชก็ต้องดำเนินการต่อสู้คดีต่อไป แต่จะถึงชั้นฎีกาเมื่อไหร่นั้น ตนไม่ทราบ
ทนายพัชจึงถามทนายเดชากลับว่า สมมุติว่าในคดีส่วนของทนายพัชถูกยกฟ้อง ทนายเดชาจะดีใจหรือไม่ ทนายเดชาบอกว่า "ดีใจ" ก่อนถามทนายพัชกลับไปว่า ทนายพัชไม่ได้ทำใช่ไหม แล้วทำไมแอมถึงให้การซัดทอด ทนายพัชพูดกลับเชิงหยอกล้อว่า ไม่พูด เพราะอยู่ต่อหน้าศาล
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/7MHmLDQwLSI