อาชญากรรม

ไรเดอร์หัวร้อน ไหว้สวยขอโทษต่อยผู้โดยสารหญิง แจงฟิวส์ขาด เผยถูกแอปฯ แบนถาวร

โดย nutda_t

13 มิ.ย. 2567

6.1K views

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งชื่อ "ชื่อปิคนิค อาตั้งให้" โพสต์ข้อความร้องเรียน โดยระบุว่า "คนสมัยนี้ช่างโหดร้าย เหตุเกิดเมื่อวันที่12/6/67 เวลาประมาณ 9.30 น. อ่อนนุช 41 ได้เรียกใช้บริการแอปฯbolt มาส่งจากห้วยขวาง ในแอปฯราคา 66 บาท มาถึงปลายทางอ่อนนุช 41 คนขับขอโทรศัพท์กดยกเลิก ให้เหตุผลว่าผมลืมกดยืนยัน ถึงที่หมายยื่นเงินให้ 70 บาท คนขับบอกไม่ใช่ราคานี้ เราก็ยื่นแอปให้ดู เขาไม่ยอม จะให้เราจ่ายตามที่เขาเรียกเก็บ เราเลยขอถ่ายรูปคุยกับแอปฯที่เรียกก่อนว่าทำไมเราต้องจ่ายเพิ่ม เขาโมโหลงมาซ้อมเราไม่ยั้ง จนเราลงไปนอนกองกับพื้น เขาเลยขับรถหนีไป ตอนนี้เราเข้ารับรักษาตัวที่รพ.วิภาราม และได้แจ้งความที่ สน.พระโขนงแล้ว

แจ้งเตือนไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้หญิงที่เรียกรถผ่านแอปฯ คนสมัยนี้น่ากลัว ฝาดเคราะห์ไปอีกวัน ขอความเฮงจงบังเกิดต่อไปจากนี้ด้วยเทอญ ขอขอบคุณคุณนัด บอสบริษัทแอดวานซ์คาเบลโล่ ช่วยเหลือทุกอย่างทั้งเรื่อง รพ.และเรื่องคดี"

ต่อมา เวลา 11.00 น. วันที่ 13 มิ.ย.67 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่มายังที่อยู่ของ นายอานนท์ ไรเดอร์ผู้ก่อเหตุ เมื่อเจอกันกับผู้สื่อข่าวก็ยกมือไหว้ขอโทษทันที โดย นายอานนท์ เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เมื่อวานนี้ช่วงเวลาประมาณ 9.00 น. ผู้โดยสารได้เรียกให้ตนไปรับที่ซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 18 แต่ปักหมุดผิด ต้องไปรับที่ซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 20 เพื่อไปส่งที่ซอยอ่อนนุช 41 ซึ่งในมือถือของตัวเองขึ้นว่า ค่าโดยสารทั้งหมด คือ 131 บาท

เมื่อมาถึงจุดหมายที่อ่อนนุช 41 ผู้โดยสารจ่ายเงินให้ตัวให้เองเพียงแค่ 66 บาทเท่านั้น ตนก็บอกว่าจ่ายแค่ 66 บาทไม่ได้ เพราะในระบบมันแจ้งว่า 131 บาท ซึ่งผู้โดยสารก็แย้งว่า มันจะเป็นคนละราคาได้อย่างไร แล้วก็ไม่ยอมจ่ายในราคา 131 บาท

หลังจากนั้นผู้โดยสาร พยายามที่จะโทรหาแอปฯ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมราคาถึงไม่ตรงกัน ซึ่งตอนนั้นตกลงกันไม่ได้แล้ว ตนจึงพยายามจะพาผู้บาดเจ็บไปคุยกันที่ สน.พระโขนง แต่ผู้บาดเจ็บไม่ยอมไป พยายามโทรหาแอปอยู่สักพัก

ในระหว่างนั้น ก็มีงานรับผู้โดยสาร มาที่อ่อนนุช 54 เด้งเข้ามาในระบบ ตนก็พยายามที่แจ้งผู้บาดเจ็บแล้วว่า ให้จ่ายเงินให้เต็มจำนวน 131 บาท แล้วจะได้แยกย้ายกันไป เพราะผู้โดยสารที่ซอยอ่อนนุช 54 เริ่มต่อว่าแล้ว ว่าทำไมถึงมาช้า แต่ผู้บาดเจ็บก็ไม่ฟัง

วินาทีนั้นยอมรับว่าตนเครียดมาก เงินก็ไม่ได้เต็มจำนวน เสียลูกค้าที่อ่อนนุช 54 ทำให้ตัวเองโมโหมาก คุมตัวเองไม่ได้ ฟิวส์ขาด จึงต่อยไปที่หน้าผู้บาดเจ็บไป 2 ครั้ง เตะไปอีก 3 ครั้ง แล้วตนก็ขับรถออกไปทำงานต่อ

ซึ่งระหว่างทำงานตัวเองก็คิดตลอดว่า ไม่น่าทำเลย แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว หลังจากนั้นประมาณบ่ายโมง ตำรวจ สน.พระโขนง โทรมาให้เข้าไปหา ตนก็เข้าไปตามนัด ตำรวจทำบันทึกว่าตนได้เข้ามารับทราบข้อหาทำร้ายร่างกาย และรอให้ฝ่ายผู้บาดเจ็บเข้ามาพูดคุยไกล่เกลี่ย ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ปล่อยตัวเองออกมาเฉยๆ

ทั้งนี้ นายอานนท์ ยอมรับว่า ตนเป็นคนอารมณ์ร้อน และโผงผาง หากย้อนเวลากลับไปได้ ตนจะพาผู้โดยสารไปคุยกันที่ สน.พระโขนง ให้ได้ แทนที่จะใช้ความรุนแรงแบบนี้ หลังจากนี้ถ้าตำรวจเรียก ก็จะให้ความร่วมมือ จะโดนอะไรก็พร้อมที่จะยอมรับ ทำแล้วต้องยอมรับ ไม่ใช่อ้างว่าสติไม่ดี เพราะตัวเองสติดี ปกติทุกอย่าง ซึ่งตนก็ได้รับบทลงโทษแล้ว ตนโดนแบนถาวรจากแอปฯ ดังกล่าว

นอกจากนี้ นายอานนท์ ยอมรับว่า ตัวเองเป็นไรเดอร์คนเดียวกันกับที่เคยมีปัญหากับนักข่าวของช่องหนึ่งจริง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาระบบของแอปฯ มีปัญหาเรื่องค่าโดยสารไม่ตรงอยู่หลายครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ตนก็ต้องเป็นคนแบกรับส่วนต่างไป ตนจึงอยากวอนให้ทางแอปฯมีการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง

ส่วนเรื่องคลิปเสียงที่ตนคุยกับเพจไรเดอร์ ยืนยันว่าตนไม่ได้หมายถึงว่าจะทำให้ผู้โดยสารถึงตายแล้วจะกลายเป็นฮีโร่ แต่ตนหมายถึงหากคนที่มาด่าตน ถ้าจะทำตนต้องทำให้ถึงตาย ทั้งนี้ในส่วนของกระแสสังคมที่ตราหน้าตนว่าเป็น หน้าตัวเมีย ทำร้ายผู้หญิง ตนอยากวอนให้สังคมมองจากหลาย ๆ มุม เพราะอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นก็ได้

“ผมขอโทษด้วยครับ มันไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบ แต่ตอนนั้นเหตุการณ์มันบังคับ เหตุการณ์จะไม่เกิดขึ้น ถ้าคุณไป สน. กับผมตั้งแต่แรก” นายอานนท์ กล่าวทิ้งท้าย


ด้าน น.ส.สุนิษา ผู้เสียหาย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ ได้เข้ารับการรักษา ที่รพ.วิภาราม และได้แจ้งความที่ สน.พระโขนง แล้ว โดยวันเสาร์นี้ จะไปรับผลตรวจร่างกายอย่างละเอียดและนำไปยื่นให้กับ สน.พระโขนงเพื่อดำเนินคดีต่อไป


ในส่วนของความเสียหายนอกจากตนได้รับบาดเจ็บแล้ว รู้สึกน่วม ระบมไปทั้งตัว ทำให้ตอนนี้ไม่สามารถไปทำงานได้ เลนส์โทรศัพท์มือถือของตนยังได้รับความเสียหายด้วย

นอกจากนี้ ตนยังได้มีการร้องเรียนไปยังแอปพลิเคชันต้นสังกัดของไรเดอร์รายนี้ แต่ยังไม่ได้รับการชี้แจงแต่อย่างใด สุดท้ายนี้ตนอยากฝากถึงคู่กรณีว่าการกระทำดังกล่าว "ผู้ก่อเหตุไม่น่าเกิดเป็นคน" ยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะไม่อยากให้ใครต้องมาโดนแบบตน

คุณอาจสนใจ

Related News