อาชญากรรม

19 พยานให้ปากคำ ป.ป.ป. คดี"อธิบดีกรมอุทยานฯ " แฉ ถูกตัดงบดูแลสัตว์ป่า 70% ใส่ซอง

โดย paranee_s

6 ม.ค. 2566

112 views

วันนี้ (6 ธ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จังหวัดอุบลราชธานี ทยอยเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. เพื่อให้ปากคำ กรณีที่ ถูกนาย รัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช เรียกรับเงิน


สำหรับกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่เดินทางมาวันนี้ อยู่ในระดับหัวหน้าหน่วยและเจ้าหน้าที่ ซึ่งทั้งหมดเป็นในกลุ่ม 19 คน ที่นาย ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จังหวัดอุบลราชธานี นำข้อมูลมาให้ เจ้าหน้าที่ ปปป. เมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา


แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก 13 คนที่นำเงิน 98,000 บาท ส่งให้นายรัชฎา และกลุ่มที่ 2 จำนวน 6 คน คือ พยานที่ได้นับผลกระทบและได้รับความเดือดร้อน จากการเรียกรับเงินรับเงินนายรัชฎา


พลตำตรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการ บก.ปปป. เปิดเผยว่า วันนี้มีข้าราชการเข้าให้ปากคำ 14 คน เพราะพยาน 3 คน คือ นายชัยวัฒน์ และอีก 2 คน เข้าให้ปากคำไปแล้ว ส่วนอีก 2 คนขอเลื่อนเป็นวันที่ 10 มกราคมนี้ ซึ่งการให้ปากคำของพยานทุกคนในวันนี้ เป็นประโยชน์และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ว่าถูกบังคับโดยส่วนใหญ่ไม่ยินยอมและไม่สมัครใจ แต่สาเหตุที่ยินยอม เพราะเกรงกลัวอำนาจจึงยอมทำตามข้อเรียกร้องของนายรัชฎา


ส่วนรายชื่อที่ปรากฏในซองภายในห้องทำงาน 21 ซอง ตรวจสอบทราบบุคคลได้แล้ว 14 คน เป็นระดับหัวหน้าของหน่วยงาน ที่กล่าวอ้างว่า ถูกเรียกเก็บเงิน ล่าสุด ปปป. ได้ออกหมายเรียกแล้ว 6 คนให้มาสอบปากคำในวันที่ 11 มกราคม และวันนี้ยังได้ออกหมายเรียกเพิ่มเติมอีก 8 คนให้มา ในวันที่ 12 มกราคม เวลา 10.00 น.


ซึ่งมีบางส่วนยินยอมจะเข้ามาให้ปากคำในฐานะพยานแล้ว ส่วนใครจะมาไม่มาพบพนักงานสอบสวนก็ได้เพราะเป็นสิทธิของพยาน แต่ในทางคดี และในอนาคตพยานทั้งหมดที่ปรากฏรายชื่อก็จะถูก ป.ป.ช. เรียกสอบปากคำในภายหลังเพิ่มเติมได้ส่วนกรณีเรื่องการสอบเส้นทางการเงิน เบื้องต้นยังไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงบุคคลอื่น


และเมื่อถามว่าต้องเรียกนาย รัชฎา มาสอบปากคำอีกไหม ก็บอกว่า ถึงเรียกมาก็ปฏิเสธ และขอให้ในชั้นศาลเท่านั้น คาดว่าภายในกลางเดือนมกราคมนี้ ปปป. จะส่งสำนวน พร้อมส่งตัวนายรัชฎา ให้กับ ป.ป.ช. ได้


ขณะที่หนึ่งในพยาน ซึ่งอยู่ในกลุ่ม 13 คน ที่นำเงิน 98,000 บาท ไปให้กับ อธิบดีกรมอุทยานฯ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เขาและเจ้าหน้าที่อีกหลายคนมีปัญหาเรื่องหนี้สิน เพราะการทำงานถูกตัดงบประมาณการดูแลสัตว์ป่า ออกไปมากถึง 70% และเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อนำเงินมาใช้ในการดูแลลูกน้อง ดูแลสัตว์ป่า รวมถึงต้องส่งให้กับอธิบดีฯ


ซึ่งการถูกตัดงบประมาณดูแลป่าและสัตว์ป่า ทำให้การทำงานมีความยากลำบากมากขึ้น ดังนั้นครั้งนี้จึงตัดสินใจออกมาเป็นพยาน เพราะต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ แม้การให้ข้อมูลครั้งนี้อาจมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานในอนาคตก็ตามพร้อมขอให้ประชาชนเข้าใจว่าคดีความที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวข้องกับบุคลากร หน่วยงาน และองค์กร


ส่วนของการให้ปากคำ รายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนรายละเอียดของคดีก็เป็นไปตามที่หัวหน้า ชัยวัฒน์


และสำหรับที่มีกระแสข่าวว่า อาจจะมีการขู่ฆ่า หรือข่มขู่จากผู้ที่มีอำนาจสูงกว่า ยืนยัน ตอนนี้ยังไม่มี และไม่ได้กลัว แต่กลัวสิ่งที่เจ้าหน้าที่ที่ปกป้องผืนป่าทำมาจะสูญเปล่า

คุณอาจสนใจ

Related News