สตช.แจง ส.ต.ท.หญิง ได้รับราชการแม้อายุเกิน ใช้วุฒิ ปวส.ด้านบัญชี ชี้เป็นวุฒิขาดแคลน

จากกรณีของอดีตทหารรับใช้ ที่ถูก ส.ต.ท หญิง ทำร้ายร่างกาย ซึ่งเป็นข่าวใหญ่ เพราะกระทบกับหลายภาคส่วน 

ซึ่งวานนี้ (23 ส.ค. 65) ส.ต.ท.หญิง ศศิกรณ์ ได้เข้าเรือนจำกลางราชบุรี ทำการตรวจร่างกายผู้ต้องหาโดยแพทย์ ส่งตัวเข้าไปอยู่ภายในเรือนจำ ซึ่งเป็นแดนกักตัวตามมาตรการโควิด เพื่อสังเกตอาการ 5-7 วัน ซึ่งเบื้องต้นสภาพจิตใจปกติดีและไม่ได้เครียดอะไรมาก  

พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจ.ราชบุรี กล่าวถึงความคืบหน้าคดี ส.ต.ท.หญิง ทำร้ายอดีตทหารรับใช้ ว่า กรณีใบรับรองแพทย์ยื่นเข้าสำนวนการสอบสวน จำเป็นต้องไปสอบสวนแพทย์ผู้ออกใบแสดงความคิดเห็นแพทย์ ซึ่งตรงนี้เร่งรัดอยู่ ให้เร็วที่สุด ส่วนแพทย์เจ้าของไข้ตัวจริง ตำรวจจะไปสอบสวนภายหลัง

-----------

วานนี้ (23 ส.ค. 65) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า การเข้ารับราชการของ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ เข้ามาตามระเบียบ โดยเริ่มเข้ารับราชการเมื่อปลายปี 2560 เข้ามาทางสำนักงานงบประมาณและการเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช้วิธีการคัดเลือกเพราะสำนักงานงบประมาณฯ พิจารณาว่า ขาดแคลนผู้มีคุณวุฒิด้านบัญชี ซึ่ง ส.ต.ท.หญิง ใช้วุฒิ ปวส. ที่จบด้านบัญชี ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการคัดเลือกเข้ามา

เมื่อถามต่อว่า ลักษณะการคัดเลือกมีการสอบเข้าหรือเป็นการสรรหา พ.ต.อ.กฤษณะ บอกว่า ยังไม่มีข้อมูลในส่วนนี้ ซึ่งจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยเพื่อคลี่คลายข้อสงสัยของสังคม โดยเส้นทางการรับราชการของ ส.ต.ท.หญิง รายนี้ ขณะที่ยังรับราชการที่สำนักงานงบประมาณฯ ถูก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ขอตัวไปช่วยราชการ ซึ่งไม่มีข้อมูลว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ จากนั้น เดือนกุมภาพันธ์ 2565 มีคำสั่งย้ายไปสังกัดกองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 ขณะที่ยังช่วยราชการอยู่ กอ.รมน. จนเพิ่งมีหนังสือส่งตัวกลับหลังเกิดเรื่อง

เมื่อสอบถามว่า ส.ต.ท.คนดังกล่าว เข้ามาโดยใช้คุณนวุฒิด้านบัญชี ตอนที่ กม.รมน. ขอตัวไปช่วยงาน มีการให้เหตุผลหรือไม่ ว่าขอตัวไปช่วยงานด้านไหน พ.ต.อ.กฤษณะ บอกว่า ตนเองยังไม่เห็นเอกสาร จึงไม่ทราบเหตุผล อย่างไรก็ตาม มองว่า ประเด็นที่สำคัญกว่าคือการดำเนินคดีผู้ต้องหา ซึ่งการกระทำความผิดเป็นการกระทำส่วนบุคคล ตำรวจจะดำเนินการเต็มที่

-----------