สังคม

"ผบ.ตร." ยัน ไม่เครียด รู้มานานแล้วจะโดนเด้ง - "บิ๊กโจ๊ก" ยิ้มรับกลับบ้านเก่า ย้ำขัดแย้งใน สตช.ต้องยุติ

โดย kanyapak_w

21 มี.ค. 2567

226 views

"ผบ.ตร." ยัน ไม่เครียด รู้มานานแล้วจะโดนเด้ง ลั่น “โรงละครของเราเลิก เก็บฉากหอบเสื่อกลับบ้าน” ด้าน "บิ๊กโจ๊ก" ยิ้มรับกลับบ้านเก่า ย้ำขัดแย้งใน สตช.ต้องยุติ คดีที่ค้างอยู่ต้องถอนฟ้องทั้งหมด แจง ตามดู"ทักษิณ" ทำตามหน้าที่ ไม่มีส่วนตัวไม่เกี่ยวถูกเด้งครั้งนี้ เหตุไม่ใช่เด็กบ้านจันทร์ส่องหล้า



หลังใช้เวลารายงานตัวนานกว่า 50 นาที​ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ และพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ได้ออกมาพร้อมกัน โดยพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน มีพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ยืนประกบข้าง ว่า โดยได้รับมอบหมายให้ดูงานจิตอาสาซึ่งตนทำอยู่แล้ว ถึงให้คำปรึกษาเรื่องการดูแลชุมนุมต่างๆ เนื่องจากเราก็เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมา ซึ่งตนจะเดินทางเข้ามาทำงานทุกวัน แต่ยังคงต้องเข้าเวรราชองครักษ์อยู่



ส่วนที่นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบาย ไม่ให้มี แบ่งฝ่ายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์​ กล่าวว่า ถ้าเราออกมาแล้ว ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดีขึ้น มันไม่ได้แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เราอยู่กันแบบพี่น้อง ตนพยายามสร้างตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปรับตำแหน่ง ว่า เราจะทำบ้านให้เปลี่ยนแปลง แต่มันออกมาในลักษณะนี้ นายกฯจึงต้องเข้าไปจัดระเบียบ และตนเชื่อว่าในการบริหารราชการแผ่นดิน ท่านทำหน้าที่บริหารได้อย่างถูกต้อง ตนรับและยินดีอยู่แล้ว ไม่ได้คิดหรือกังวลอะไร อยู่ที่นี่ก็ดี เรื่องรับงานเอกสารตนก็ทำอยู่แล้ว ขออย่าห่วงว่าจะเครียดหรืออะไร



ส่วนที่นายกฯกล่าวว่า ให้เรื่องนี้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ตำรวจเอกต่อศักดิ์​ กล่าวว่า เมื่อตนลุกมาแล้ว เรื่องของรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตนเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรไม่ได้อีกแล้ว



เมื่อถามว่า หนังสือย้ายเมื่อวานนี้ ใช่คำค่อนข้างรุนแรง พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ กล่าวว่า ตนยอมรับ ตนเป็นหัวหน้าหน่วย ทำให้องค์กรเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันไม่ได้ มันเป็นความบกพร่อง เมื่อเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ต้องกำกับดูแลในส่วนนี้ ตนยอมรับสภาพ คนรู้ ตนก็คาใจอยู่ ยังบอกกับบิ๊กโจ๊ก ว่า เราไม่ได้นั่งคุยกัน ตนพยายามทำสภากาแฟ ให้พี่น้องได้มาคุยกัน เป็นพี่เป็นน้อง ไม่ใช่เจ้านาย ไม่ใช่หัวหน้า ซึ่งก็โอเคในระดับหนึ่ง



เมื่อถามว่าจำเป็นจะต้องมีการทำเอกสารชี้แจงคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาสอบเรื่องนี้หรือไม่พลตำรวจเอกต่อ​ศักดิ์​ กล่าวว่า ถ้ามีการเรียก ก็พร้อมที่จะยื่นเอกสาร จะยืนยันว่าไม่ได้รู้สึกน้อยใจ แม้อายุราชการจะเหลือน้อยก็ตาม แต่จะช้าหรือเร็ว อย่างไรก็ต้องลุก เป็นอะไรงานเลี้ยงต้องมีวันเลิกลา



"วันนี้พี่ถอดหัวโขน อยู่แค่ตำแหน่ง ผบ.ตร. หัวโขนในการปฏิบัติหน้าที่ เราก็ถอดออก พี่มานั่งที่นี่ก็ใส่หัวโขนที่นี่ โรงละครของเราเลิกแล้วก็เก็บฉาก เก็บเครื่องแต่งตัว ปิดไฟ หอบเสื่อกลับบ้านเรา ก็เท่านั่น ชีวิตเรามีเท่านี้ คุณจะมาเครียดอะไร มาเร็วก็ต้องจากกัน ผมไม่เครียดหรอก ยืนยันไม่ช็อคเพราะรู้ล่วงหน้ามาก่อนแล้ว รู้ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเรียกเข้าพบด้วย รู้ส่วนตัวอยู่แล้ว"



เมื่อถามย้ำว่า ที่โดนเด้งครั้งนี้ เป็นเพราะเราจัดการเรื่องในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้ใช่หรือไม่ ตำรวจเอกต่อ​ศักดิ์​ กล่าวว่า" ใช่ ยกนิ้วโป้ง ขึ้น"



จากนั้นพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ได้ให้สัมภาษ​ณ์อีกรอบหลังรายงานตัว ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ กระแสข่าวที่มองว่าใกล้ชิดกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เรื่องถึงออกมาเป็นเช่นนี้ ว่า ไม่เกี่ยว ส่วนการไปตอนนั้นเพื่อไปทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยขบวนสำคัญเพราะเขาเป็นอดีตนายกฯ พร้อมย้ำว่าไม่มีเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวอะไรทั้งสิ้น แต่เรื่องนี้เป็นการแก้ไขของนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดความสามัคคีในหน่วย



เมื่อถามย้ำว่า ถูกมองว่าเป็นสายบ้านจันทร์ส่องหล้า ไปแล้ว พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ส่ายหัวพร้อมระบุว่า ไม่มีสายไหน มีแต่เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเมื่อตอนนี้ให้มาทำหน้าที่นี้ก็ต้องมาทำ



เมื่อถามย้ำว่า ได้อ่านคำสั่งย้ายที่ออกมาหรือยัง เพราะทาง ผบ.ตร. ก็ยอมรับว่าจากคำสั่งดังกล่าวก็เหมือนมีความขัดแย้งจริง พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ระบุว่า นายกรัฐมนตรีต้องการที่จะแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อให้เกิดความสามัคคีในหน่วยงาน เพราะฉะนั้นวันนี้ทุกคนก็ต้องทำหน้าที่ เพื่อประชาชนและเพื่อส่วนรวม เรื่องส่วนตัวต้องทิ้งไปให้หมด แต่อย่างไรวันนี้ก็ยังไม่มีการพบนายกฯ รวมถึงเลขาธิการนายกฯ ซึ่งวันนี้มารายงานตัวกับปลัดสำนักนายกฯก็ถือว่าเรียบร้อยแล้ว และเดี๋ยวจะไปดูห้องทำงาน พร้อมยืนยันว่าจะมาทำงานทุกวันไม่มาไม่ได้ ตนได้รับมอบหมายให้ดูงานด้านที่ปรึกษากฎหมาย พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารต่างๆ และการกระจายอำนาจ ซึ่งเชื่อว่าจะทำหน้าที่ได้ดี



เมื่อถามต่อว่า ความขัดแย้งครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดเลยหรือไม่ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ย้ำว่า จบทุกอย่างก็ต้องจบ เพราะเมื่อวานก็คุยกันแล้ว ทุกอย่างต้องเรียบร้อย ซึ่งองค์กรต้องอยู่และต้องแข็งแรงเพื่อทำงานให้ประชาชนโดยไม่มีการแบ่งฝ่าย ก่อนย้ำว่าจะไม่มีความขัดแย้งอะไรทั้งสิ้น



เมื่อถามว่า คนมอง “บิ๊กโจ๊ก” มีชีวิตที่ 10 - 11 พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยิ้ม พร้อมบอกว่าไม่มีอะไรหรอก วันนี้ก็ทำหน้าที่ปกติ เขามีโอกาสให้ทำงานก็ต้องทำงาน ส่วนรอบนี้จะเนเวอร์ดายหรือไม่ ตนไม่รู้ เพราะก็ทำหน้าที่ไปตามปกติตามที่ได้รับมอบหมาย



เมื่อถามต่อว่า เมื่อมีปัญหาทุกครั้งก็กลับมาได้ตลอดนั้นได้มูอะไรหรือไม่ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ระบุว่า ไม่ได้มู ก็ทำหน้าที่ให้ดี เพราะการทำหน้าที่ต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น มั่นใจศรัทธาและคลายความทุกข์ให้ได้ ซึ่งนี่คือหน้าที่ของข้าราชการแผ่นดินอยู่แล้วส่วนเรื่องคดีความยังไม่ได้นัดคุยกับ ผบ.ตร. จะมีการนัดคุยอีกทีนึง



เมื่อถามว่าทำไมยังยิ้มได้ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยิ้มเขิน ก่อนระบุว่า ตนอารมณ์ดี นี่ก็กลับบ้านไง โดยตนไม่รู้มาก่อนและรู้พร้อมกัน แต่ก็เป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาพิจารณาแล้ว



ในช่วงท้ายถามว่า มั่นใจแค่ไหนว่าจะได้กลับ สตช. พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ระบุว่า ตนไม่รู้ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี เค้าให้อยู่ไหนก็อยู่ตรงนั้นเพราะทุกที่สบายใจหมดอย่าไปคิดมาก



ทั้งนี้ภายหลังเข้ารายงานตัวเสร็จสิ้น พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ พร้อมด้วยนายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินจากทำเนียบรัฐบาลเพื่อไปดูห้องทำงานที่ชั้น 4 ภายในห้องศูนย์ประสานงานจิตอาสาภาครัฐ สำนักงาน ก.พ.เดิม ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล



โดยพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ กล่าวติดว่า “นี่เรายิ่งกว่าดาราอีกนะ วันนี้มาดูห้องทำงานจะเข้ามานั่งทำงาน” ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่าจะเริ่มงานตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. เลยหรือไม่ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ กล่าวว่า “ตนติดราชการ 3 วัน ต้องดูภารกิจอื่นก่อน“ จากนั้นพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ได้เดินมาสมทบ เพื่อเข้าไปพูดคุยโดยระบุว่าจะไปพูดถึงภารกิจอื่นที่ยังค้างอยู่ จากนั้นได้ไปดูห้องทำงานซึ่งอยู่ที่ชั้น3ของสำนักงาน ก.พ.เดิม

แท็กที่เกี่ยวข้อง  ข่าวการเมือง ,สตช. ,บิ๊กโจ๊ก

คุณอาจสนใจ

Related News