‘ไอ้ทอย’ จนมุม! สารภาพฆ่าอุ้มศพเผา ‘น้องนุ่น’ ไม่กล้าสู้หน้าลูก ฝากให้บอก ‘พ่อตายไปแล้ว’

สารภาพคาหลักฐาน “ไอ้ทอย” จนมุม ยอมรับฆ่าอุ้มศพเผา “น้องนุ่น” สุดเลือดเย็น อุ้มลูกร่วมทุกเหตุการณ์ ก่อนจับยัดใส่กระเป๋าทิ้งอำพรางที่ปราจีนฯ กราบขอโทษพร้อมบอกลาแม่ยาย ไม่มีหน้าสู้หน้าใคร ฝากช่วยบอกลูกด้วยว่า พ่อตายไปแล้ว

กรณีเพื่อนโพสต์เฟซบุ๊กประกาศตามหา น.ส.ชลลดา หรือ นุ่น อายุ 27 ปี หลังออกจากงานเลี้ยงวันเกิด ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง บริเวณถนนเลียบด่วนรามอินทรา โดยมีแฟนขับรถพากลับบ้านที่นนทบุรี แต่ระหว่างทางเกิดทะเลาะกัน แล้วนุ่นลงจากรถบริเวณซอยใกล้จะถึงบ้าน แล้วหายไป ช่วงตี 3 ของวันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ เพื่อนกังวลว่าจะเกิดอันตรายกับนุ่น ซึ่งปกตินุ่นจะออนไลน์ในโซเชียลตลอด แต่หลังจากนั้นก็เงียบหายไป ซึ่งแฟนเพื่อนได้แจ้งความไว้แล้ว

จากนั้นวันที่ 19 กุมภาพันธ์ น.ส.เพ็ญ อายุ 42 ปี แม่ของนุ่น เข้าให้การกับตำรวจ สภ.ปากเกร็ด โดยแม่ติดใจลูกเขย ที่ไม่บอกแม่ว่านุ่นหายไป และทำไมไม่ตามหา แถมยังบอกให้แม่ทำใจ ตอนนี้ 50/50 เพราะเขาจับจีพีเอสของนุ่นครั้งสุดท้ายได้ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งแม่ไม่ไว้ใจลูกเขย เพราะเพื่อนสนิทของนุ่นเคยเล่าให้แม่ฟังว่า ลูกเขยเคยบีบคอ เอาเท้าเหยียบหน้านุ่นเป็น 10 ครั้ง พร้อมบอกให้ตำรวจไปตามลูกเขยมาสอบถามอีกครั้ง

ต่อมา นายศิริชัย หรือ ทอย อายุ 33 ปี สามีของนุ่น ได้อุ้มลูกน้อยมาพบตำรวจ บอกว่า วันเกิดเหตุทะเลาะกันบนรถ เรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้าน และเรื่องที่นุ่นขุดเรื่องแฟนเก่าของตัวเองมาพูด ซึ่งเวลาที่ทะเลาะกัน นุ่นจะออกจากบ้านไปแบบนี้เสมอ และตนเองก็จะคอยตามง้อตลอด ครั้งนี้คิดนุ่นน่าจะเดินทางไปปอยเปตแล้ว เพราะเคยไปทำงานที่นั่น ครั้งนี้นุ่นนำพาสปอร์ตไปด้วย และพบจีพีเอสที่พบครั้งสุดท้ายที่ฉะเชิงเทรา

ซึ่งนายทอยยืนยันว่า ไม่ได้ทำร้ายนุ่น ที่ไม่ได้ไปตามหาแต่แรก เพราะทิ้งลูกไว้บนรถไม่ได้ ที่ไม่ได้บอกแม่ยาย เพราะคิดว่านุ่นแค่ออกจากบ้านไปเหมือนทุกครั้ง

แต่เมื่อวานนี้ตำรวจไปเจอหลักฐานสำคัญ เป็นกล้องวงจรปิดบนถนนแจ้งวัฒนะ เห็นนายทอยทำร้ายนุ่น เตะเสยปลายคาง จนนุ่นล้มลง แล้วยังกระทืบใบหน้า เอาอิฐทุบหัวหลายครั้ง จนนุ่นล้มลุกคลุกคลาน

ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบที่บ้านของนายทอย ซึ่งอยู่ย่านเมืองทองธานี โดยพบรถยนต์หรู BMW สีขาว ทะเบียน 1 ขส 6644 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ในบ้าน โดยเค้นสอบอยู่ที่บ้านนานกว่า 3 ชั่วโมง กระทั่งนายทอยยอมรับสารภาพว่า เป็นคนลงมือฆ่านุ่น โดยใช้หินทุบหัว หลังมีปากเสียงกัน พอเขาตายแล้วก็คิดว่า ต้องจัดการยังไงต่อไม่ให้โจ่งแจ้ง ไม่ให้เพื่อนบ้านรู้

จึงเอากระเป๋ามาใส่ โดยไม่ได้หั่นศพ เพราะเขาตัวเล็กอยู่แล้ว แต่ก็ยังหลอน คิดว่าเขายังไม่ตาย จึงเรียกให้เขาตื่น เพราะลูกตื่นแล้ว แต่เขานิ่ง จับชีพจรดูก็ไม่มีแล้ว เลยปิดกระเป๋า แล้วเอาคาร์ซีทใส่รถ พาลูกขึ้น แล้วเอาเขาขึ้นรถ ก่อนมานั่งดื่มเบียร์ย้อมใจ ก่อนออกจากบ้านประมาณ 9 โมง แล้วขับรถไปซื้อน้ำมัน ตลอดทางก็ดื่มไปตลอด กระทั่งถึงอำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี ตอนบ่าย ยังไม่ได้เผาทันที ก็นั่งเฝ้าเขาเกือบชั่วโมง

ต่อมาตำรวจได้คุมตัวนายทอย ไปสอบปากคำต่อที่ สภ.ปากเกร็ด โดยมีนางเพ็ญ แม่ของนุ่นมาที่โรงพักด้วย นายทอยได้ยกมือไหว้ขอขมาแม่ยาย ที่อยู่ในอาการร้องไห้ด้วยความเสียใจ ทอยบอกว่า "ขออโหสิกรรม ไม่ว่าแม่จะให้อภัยหรือไม่ให้อภัย ผมจะขอชดใช้กรรมทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ผมทำผิดพลาดไปแล้ว" ด้านนางเพ็ญแม้จะรับไหว้ขอขมา แต่ก็ถามกลับว่า ทำลูกแม่ทำไม

ทอยตอบว่า มันเป็นแค้นสะสมมาหลายอย่าง ตามที่แม่เห็นแชท เวลาผมคุยกับเขา ผมจะเป็นฝ่ายง้อตลอด ไม่ว่าจะทำดีแค่ไหน เขาก็ไม่เคยมองว่าผมดี ทะเลาะกันซ้ำแล้วซ้ำอีก ด้วยเรื่องเดิม ๆ ทำให้โมโหสะสม เก็บกด จนเกิดเรื่องขึ้น เขาไม่เคยให้อภัยผมเลยสักครั้งไม่ว่าจะทำดีแค่ไหน ทำอะไรก็ผิดใจเขาตลอด

แม่ถามต่อว่า แบบนี้ก็ทำให้จบกันแบบนี้หรอคะ? ผมไม่คิดที่จะฆ่าเขา หรือว่าทำให้เขาตาย แต่ทำเพราะด้วยความเมา และโมโห เลยทำให้เกิดเรื่องขึ้น ถึงตอนนี้นางเพ็ญ ถึงกับร้องไห้โฮ ซึ่งนายทอยก็บอกว่า ต่อให้ผมออกมาจากคุก ก็ไม่กล้าไปสู้หน้าครอบครัวนุ่น ครอบครัวผม และไม่กล้าสู้หน้าลูก ขอบอกลาทุกคนตรงนี้เลย ไม่ต้องเล่าให้ลูกฟังก็ได้ ช่วยบอกลูกว่า พ่อตายไปแล้วก็ได้

พลตำรวจตรี ปรารถนา แผ่นผา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี เผยว่า สิ่งที่นายทอยสารภาพ มีเจตนาฆ่าแน่นอน สาเหตุอาจจะมาจากการที่ดื่มสุรา และเมามาก ซึ่งอาจจะมีการพูดถึงแฟนเก่าของทอย เลยทะเลาะเบาะแว้ง และทำร้ายร่างกายตั้งแต่บนรถ ตอนช่วงที่อยู่บนรถยังไม่เสียชีวิต แต่นายทอยทำร้ายร่างกายแฟนอีกครั้งในบ้าน โดยใช้อิฐตัวหนอนทุบที่ศีรษะ จนแฟนหมดแรง เหตุเกิดตอนตี 1 ของวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พอรู้ว่าเสียชีวิต จึงนำศพออกจากบ้านประมาณ 9 โมง นำไปทำลายที่ปราจีนบุรี ตรงจุดเปลี่ยว โดยมีลูกนั่งไปด้วยตลอดเวลา ทั้งนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหา ฆ่าคนตายโดยเจตนา และซ่อนเร้นอำพรางศพ

ส่วนศพของนุ่น มีชาวบ้านไปเจอโครงกระดูกมนุษย์ถูกเผานั่งยาง ในป่ายาง ที่บ้านมาบเหียง อำเภอศรีมหาโพธิ์ ห่างจากถนนสาย 359 สระแก้วตัดใหม่ ประมาณ 200 เมตร ตำรวจ สภ.ระเบาะไผ่ ไปตรวจสอบเชื่อว่าเป็นศพนุ่น เพราะมีเลทข้อมืออยู่ในกองกระดูก ซึ่งตรงกับที่นุ่นใส่ตอนยังมีชีวิต และจุดที่พบศพยังตรงกับพิกัดจีพีเอสสุดท้ายของนุ่น ก่อนหายตัวไป

นายสงคราม ธรรมมะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ตำบลหนองโพรง อำเภอศรีมหาโพธิ์ บอกว่า จุดนี้เป็นพื้นที่ป่ายาง ซึ่งไม่มีคนจะผ่าน โดยเฉพาะกลางคืน เพราะเป็นพื้นที่มืดทึบและมีช้างป่าเข้ามาในพื้นที่ด้วย โดยช่วงเย็นเมื่อวานนี้ มีชาวบ้านโทรมาบอกว่า ตำรวจจะมาตรวจสอบเรื่องที่มีคนนำศพมาทิ้งในพื้นที่เรา และนักข่าวก็โทรเข้ามา ตนจึงเข้าพื้นที่มาดู ก็มาเจอศพ

ล่าสุด เมื่อช่วงเช้ามืด ตำรวจนำนายทอย มาเค้นสอบนานกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พบว่า นายทอยมีสีหน้าเคร่งเครียด วิตกกังวลตลอดเวลา และมีอาการอิดโรย ตำรวจได้ส่งสายตรวจ 2 นาย มาคอยเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด เกรงว่า นายทอยจะทำร้ายตัวเองหนีความผิด

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/B-0rnjCrcGI