อาชญากรรม

ย้อนปฏิบัติการสยบ ‘สารวัตรคลั่ง’ 27 ชม.ยังไร้วี่แววมอบตัว จิตแพทย์ประเมินผู้ก่อเหตุต้องรักษาด่วน

โดย paweena_c

15 มี.ค. 2566

56 views

27 ชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าว่าสารวัตรกานต์ วัย 51 จะยอมวางอาวุธและมอบตัว ย้อนดูปฏิบัติการของตำรวจ ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ว่าทำอะไรไปแล้วบ้าง ทำไมถึงไม่สามารถควบคุมตัวได้


เสียงกระสุนนัดแรกดังขึ้นตอน 8.30 น. ของวันที่ 14 มี.ค. 66 พร้อมกับตัวของสารวัตรกานต์ ที่สวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้น ถือปืนลูกโม่เดินด่ากราด และชี้ปืนไปมาในหมู่บ้านมั่นคง ซอยจิระมะกร ย่านสายไหม สิ่งที่เขาพูดในคลิป จับใจความได้ประมาณว่า ตำรวจค้ายาเสพติด ทำให้ลูกหลานอ่อนแอ และท้าว่าใครไม่พอใจ ให้ออกมาเจอเขาได้เลย



10.30 น. เสียงปืนดังขึ้นอีก 6 นัด ทำให้ชาย 3 คน ซึ่งคาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลตำรวจที่มารับตัวไปรักษา ตามที่เพื่อนผู้ก่อเหตุโทรศัพท์ไปแจ้งต้องหาที่หลบเข้าที่กำบัง แล้วโทรศัพท์แจ้งตำรวจพื้นที่เข้ามาระงับเหตุ



11.00 น. ตำรวจ สน.สายไหม พร้อมอาวุธครบมือเข้ามาถึงที่เกิดเหตุเป็นชุดแรก และกันสื่อมวลชน พร้อมชาวบ้านใกล้เคียงออกนอกพื้นที่ทันที จากนั้นเริ่มการเจรจา เพื่อให้สารวัตรกานต์วางอาวุธ และมอบตัว แต่ไม่เป็นผล และมีเสียงปืนถูกยิงออกมาจากบ้านเป็นระยะ



13.30 น. ชุดอรินทราช 26 ราว 20 นาย พร้อมอาวุธครบมือเข้ามาร่วมควบคุมสถานการณ์ นำรถกระบะสีขาวมาจอดขวางใกล้บ้านหลังเกิดเหตุ แต่ผู้ก่อเหตุยังยิงปืนออกมาเรื่อยๆ ซึ่งสื่อมวลชนนับได้ 18 นัด และมีจังหวะหนึ่งที่กระสุนปืนพุ่งมาโดนสังกะสี ตรงจุดที่กลุ่มผู้สื่อข่าวกำลังหลบอยู่ ทำให้นักข่าวต่างหมอบหาที่กำบัง



14.30 น. ประสานให้เพื่อนร่วมงานที่กองบัญชาการศึกษา ซึ่งเป็นคนที่สารวัตรกานต์ไว้ใจ มาช่วยเจรจา ซึ่งเนื้อหาของการเจรจาบอกว่า ไม่มีใครเป็นนกต่อ ขอให้เชื่อใจ วางอาวุธ แล้วเข้าไปรับตัวเพื่อพาไปหาหมอเอง ซึ่งขณะนั้นตัวของสารวัตรกานต์ อยู่ที่ชั้น 2 ของบ้าน กลับตะโกนสวนออกมาว่า “มึงออกไป กูไม่คุยกับใครทั้งนั้น” ทั้งสาดน้ำ ขว้างปาสิ่งของ และยิงปืนออกมา จนเจ้าหน้าที่ต้องล่าถอยไปอีกครั้ง



16.00 น. พลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เดินทางมาร่วมบัญชาการเหตุการณ์ โดยเปิดเผยเพียงสั้นๆ ว่า จะไม่ให้ยืดเยื้อ พยายามจะจบให้ดีที่สุด



ขณะที่พลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่เดินทางมาพร้อมกัน และเคยทำงานร่วมกับสารวัตรกานต์เดินทางมาด้วย กล่าวว่า “สารวัตรกานต์เป็นคนจิตใจดี ไม่เคยทำร้ายใคร ส่วนอาการป่วยขอไปคุยกันก่อน” เบื้องต้นพบว่า สารวัตรกานต์ มีปืนอยู่ 2 กระบอก เป็นปืนลูกโม่จุด 357 แม็กนัม และปืนออโตเมติกขนาด 9 มม.



16.30 น. ผบช.น.สั่งให้ตำรวจอพยพประชาชนที่อยู่ในบ้านซอยเดียวกับผู้ก่อเหตุออกมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนแก่ ที่อยู่ในอาการตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น



17.00 น. พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ แล้วเข้าไปร่วมประชุมแผนวางแผนบัญชาการเหตุการณ์ ราว 1 ชั่วโมง ก่อนจะออกมายืนยันว่า จะไม่มีการใช้ความรุนแรง เพราะพฤติกรรมของสารวัตรกานต์ ไม่ใช่ภัยคุกคาม และสั่งให้ลูกน้องห้ามใช้กำลังโดยเด็ดขาด ขอเวลาให้ตำรวจได้ทำงาน เเละรอให้สารวัตรกานต์ นั้นอารมณ์เย็นลง



ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากปัญหาส่วนตัว ประกอบกับปัญหาทางจิตเวชที่เป็นอยู่เเล้ว จึงเป็นจุดที่อาจจะทำให้เกิดอาการคลุ้มคลั่ง และฝากถึงสารวัตรกานต์ขอให้ไว้ใจว่า เข้ามาช่วยไม่ได้เข้ามาทำร้าย อยากให้ออกมาคุยกัน



แต่หลังการสัมภาษณ์ไม่ถึง 15 นาที เวลา 18.30 น. ตำรวจอรินทราช 26 เปิดปฏิบัติการยิงแก๊สน้ำตาใส่หน้าต่างชั้น 2 ของบ้านสารวัตรทันที และพยายามบุกเข้าไปที่ห้องชั้น 2 ซึ่งเป็นจุดที่สารวัตรกานต์ใช้ซ่อนตัว



ปฏิบัติการนี้ต่อเนื่องราว 1 ชั่วโมง ก่อนจะยุติลง เพราะสารวัตรกานต์ไม่มอบตัว มีเพียงยื่นหน้าออกมาหายใจเท่านั้น แต่แก๊สน้ำตาที่ใช้ทำให้สื่อมวลชน และชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่แสบหน้า แสบตา จนต้องให้เจ้าหน้าที่พยาบาลเข้ามาช่วยเหลือ และอพยพผู้สูงอายุออกไป โดยประสานทางเขตสายไหมเข้ามาช่วยดูแล



19.40 น. พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษอรินทราช มาสมทบเพิ่มเติมจำนวนหนึ่ง ขณะที่ตัวผู้ก่อเหตุยังคงไม่ยอมออกมาจากบ้าน



20.30 น. ชุดปฏิบัติการพิเศษคอมมานโด กองปราบปราม ราว 10 นาย ติดกล้องไนท์วิชชั่นที่หมวก เพื่อใช้ปฏิบัติการในที่มืด เข้าพื้นที่และกระจายกำลังโดยรอบบ้านของสารวัตรกานต์



21.45 น. ตำรวจเริ่มใช้การเจรจาอีกครั้ง โดยต่อสายวิดีโอคอลถึงแม่ ภรรยาเก่า และลูกชายของสารวัตรกานต์ เพื่อให้เกลี้ยกล่อมยอมวางอาวุธ และเข้ารับการรักษา แต่กลับยิ่งทำให้สารวัตรกานต์โวยวายหนักกว่าเดิม บอกว่า “อยากตาย อย่ามายุ่งกับกู”



22.30 น. พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ ออกมาให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า จะยังไม่ใช้ความรุนแรง เพราะต้องรักษาทุกชีวิต ประกอบกับตัวสารวัตรกานต์มีชำนาญเรื่องอาวุธ หากเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปอาจจะเกิดความสูญเสียได้ ส่วนสาเหตุที่ทำให้สารวัตรกานต์ก่อเหตุ ส่วนหนึ่งเพราะกามเทพไม่ทำงาน ประกอบกับความเครียด และกดดันในชีวิตหลายอย่าง



02.30 น. ของวันนี้ (15 มี.ค. 66) เจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราช 26 และคอมมานโด เปิดปฏิบัติการร่วมกัน ระดมยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปในบ้านสารวัตรกานต์หลายสิบนัด ใช้เวลาปฏิบัติการราว 1 ชั่วโมง ก็ไม่สำเร็จ จนต้องล่าถอยออกมา และชาวบ้านกับสื่อมวลชนก็ล่าถอยเช่นกัน เพราะได้รับผลกระทบจากแก๊สน้ำตา



05.15 น. ตำรวจขอความร่วมมือสื่อมวลชนให้ถอยออกจากเขตแนวกั้นเดิม และตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษทั้ง 2 หน่วย เอาบันไดไปพาดที่ระเบียงหน้าบ้านสารวัตรกานต์ และยิงสตั้นบอมบ์เข้าบริเวณบ้านสารวัตร 1 นัด เพื่อเปิดทางตามยุทธวิธี จากนั้นใช้โทรโข่งบอกให้ออกมามอบตัว พยายามตะโกนเรียกชื่อ แต่ไม่มีเสียงตอบรับ การเจรจาทำต่อเนื่องราว 1 ชั่วโมง ก็ยังไม่เป็นผล



07.00 น. ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาอีกรอบ และเตรียมจะพังหน้าต่างเข้าไป แต่มีเสียงปืนดังขึ้นมาเป็นระยะ จนต้องยุติภารกิจและกลับมาใช้ความละมุนละม่อมอีกครั้ง ด้วยการให้เพื่อนของสารวัตรกานต์ ร้องเพลงผ่านโทรโข่งเพื่อกล่อมและดึงความสนใจของผู้ก่อเหตุ



และพลตรำวจตรี ธีรเดช เข้ามาช่วยเจรจา บอกว่า ถ้ามอบตัวจะให้กลับไปทำงานที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเช่นเดิม แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ



08.30 น. เจ้าหน้าที่ใช้บันไดพยายามจะปีนขึ้นไปบนชั้น 2 ของบ้านผู้ก่อเหตุอีกครั้ง และมีเสียงปืนแบลงค์กันดังขึ้น 10 กว่านัดติดต่อกัน ขณะที่ตำรวจที่ร้องเพลงกล่อม ก็ยังร้องเพลงผ่านโทรโข่งไปด้วยอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ขอความร่วมมือสื่อมวลชน ขยับแนวกั้น ให้ออกจากแนววิถีกระสุน มาอยู่ฝั่งซอกอาคารแทน



นอกจากนี้ มีรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประเมินสถานการณ์ร่วมกับนายแพทย์ ศิริศักดิ์ ธิติดิลกรัตน์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต และเจ้าหน้าที่จากกรมสุขภาพจิต เพื่อประเมินสุขภาวะทางจิตของผู้ก่อเหตุ โดยจากการร่วมสังเกตการณ์และให้เจ้าหน้าที่เจรจาพูดคุย พบว่าผู้ก่อเหตุยังมีอาการหวาดระแวง ไม่สามารถเจรจาชักจูงให้ยอมมอบตัวในระยะเวลาอันสั้นได้ อาจจำเป็นที่จะต้องรักษาโดยการให้ยาหรือช็อตไฟฟ้าโดยด่วน



ส่วนสาเหตุของอาการคลุ้มคลั่ง เพื่อนตำรวจของผู้ก่อเหตุ ให้ข้อมูลว่า ผู้ก่อเหตุมีอาการป่วยทางจิตอยู่ก่อนแล้ว และช่วงเช้าโทรศัพท์หาเพื่อนที่กองบัญชาการศึกษา ให้มารับตัวเพื่อไปหาหมอ แต่เพื่อนประเมินแล้วว่า ควรให้เจ้าหน้าที่พยาบาลเข้ามารับตัวไปส่งที่โรงพยาบาลด้านจิตเวช ที่เคยรับการรักษา แต่ปรากฎว่าเมื่อผู้ก่อเหตุเห็นรถพยาบาลมาจึงไม่พอใจและก่อเหตุขึ้น


https://youtu.be/R3koiFMuilw

คุณอาจสนใจ

Related News