อาชญากรรม

'หวัง สันติ' มอบตัว! มือสังหารยกครัวที่ไต้หวัน ปัดไม่ได้ฆ่า แค่ลวงไปพบ

โดย paweena_c

17 มิ.ย. 2565

435 views

นายหวัง มอบตัว! ผู้ต้องหาฆ่าสองสามีภรรยาคนไทยที่ไต้หวัน เดินทางจากเชียงใหม่ มาสอบสวนที่กองปราบปราม หลังติดต่อมอบตัวเมื่อช่วงเช้าวันนี้ เบื้องต้นให้การปฏิเสธอ้างไม่ได้ฆ่า แต่แค่ลวงให้ทั้งสองคนไปพบ โดย ผบ.ตร.เตรียมแถลงข่าว 4 โมงเย็นวันนี้

จากกรณี นายสันติ หรือ หวัง อายุ 35 ปี ก่อเหตุฆาตกรรม นายประเสริฐ หรือมาร์ค และนางสาวพจนีย์ หรือ ล่ามมี่ สามี - ภรรยาซึ่งท้อง ลูกแฝด เสียชีวิต แล้วนำไปศพยัดใส่ท้ายรถยนต์ BMW X4 ก่อนจะนำรถยนต์ไปจอดทิ้งไว้ที่สถานีรถไฟความเร็วสูงเถาหยวน

และหลบหนีออกจากไต้หวันกลับมาประเทศไทยในวันที่ 9 มิถุนายน ซึ่งตำรวจได้มาพบศพผู้เสียชีวิตทั้งสองคนในวันที่ 10 มิถุนายน และพบเบาะแสจากกล้องวงจรปิด จนทราบว่า คนร้ายเป็นคนไทย และหนีกลับมาประเทศไทยจึงประสานตำรวจไทยในการติดตามตัว

ขณะที่นายหวัง หลังเดินทางจากไต้หวันถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ก็ได้เดินทางไปบ้านเกิดในจังหวัดเชียงใหม่ โดยเบาะแสสุดท้าย ที่มีคนเห็นนายหวัง คือ นายหวังไปปรากฎตัวที่บ้านพักในอำเภอไชยปราการ ในช่วงเช้าของวันที่ 10 มิถุนายน และ จากนั้นก็หายตัวไป

โดยในช่วงเวลาที่นายหวังหายตัว คนในครอบครัวของนายหวัง รวมถึงนายสุชาติ พ่อของนายหวัง ต่างบอกว่าไม่รู้ว่านายหวังหลบหนีไปที่ไหน เพราะติดต่อนายหวังไม่ได้ อีกทั้งยังอยากให้นายหวังมามอบตัว

จนเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ตำรวจกองปราบปราม ซึ่งได้รับการประสานจากทางการไต้หวัน และ ญาติของนายมาร์ค ให้ช่วยติดตามตัวนายหวัง ได้ขออนุมัติศาลอาญารัชดา ออกหมายจับ นายหวัง ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พร้อมกับปูพรมไล่ล่าตามตัวนายหวังในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยนำตัวมาดำเนินคดี

จนกระทั่งล่าสุด เมื่อช่วงเช้าวันนี้ นายหวังได้ติดต่อผ่านคนกลาง ขอเข้ามอบตัวกับตำรวจ โดยมีนายสุชาติ พ่อของนายหวังพร้อมกับคนในครอบครัวเป็นผู้พาเข้ามอบตัวกับตำรวจ ที่บ้านอรุโณทัย อำเภอเชียงดาว หลังหลบหนีการจับกุมของตำรวจนานถึง 9 วัน

จากนั้นตำรวจกองปราบปราม ได้คุมตัว นายหวัง ขึ้นรถตู้เดินทางมายังท่าอากาศยานทหารกองบิน 51 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขึ้นเครื่องบินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำตัวกลับมาสอบสวนที่กองปราบปราม โดยคาดว่าจะถึงในช่วงบ่ายของวันนี้

โดยเบื้องต้นนายหวัง ให้การภาคเสธอ้างว่าไม่ได้เป็นคนฆ่านายมาร์คและล่ามมี่ แต่ยอมรับว่าได้ลวงนายมาร์คและล่ามมี่ไปพบ

พลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ขั้นตอนหลังจากนี้จะนำตัวนายหวังมาสอบปากคำและแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาให้นายหวังรับทราบ โดยการสอบปากคำ จะมีตน และ พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมสอบปากคำนายหวังด้วย และหลังจากนั้นจะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในเวลา 4 โมงเย็น

ทั้งนี้ยืนยันว่าจะคัดค้านการประกันตัวนายหวัง เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ และ เกรงว่าหากได้ประกันตัวอาจจะหลบหนี

มีรายงานจากตำรวจกองปราบปราม ระบุว่า การสอบปากคำจะต้องถ่ายวีดีโอนายหวังไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เนื่องจากคดีมีอัตราโทษถึงประหารชีวิต

โดยหลังจากนี้ ทางการไทยสามารถดำเนินคดีกับนายหวังได้ทันที โดยไม่ต้องส่งตัวนายหวังกลับไปที่ไต้หวัน เนื่องจากนายหวังมีสัญชาติไทย และ ครอบครัวผู้ตายก็ร้องขอให้ดำเนินคดีในไทย

นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงขั้นตอนการดำเนินคดีกับ นายหวังว่า นายหวัง เป็นบุคคล 2 สัญชาติ คือสัญชาติไทย และ สัญชาติไต้หวัน และ สัญชาติไทย

เมื่อตำรวจได้ควบคุมตัวนายหวังแล้ว จะต้องพิจารณาว่าญาติผู้เสียชีวิตจะให้ดำเนินคดีในไทยหรือที่ไต้หวัน หากญาติต้องการให้ดำเนินคดีในไทย

ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา สิทธิในการสอบปากคำหรือสอบสวนผู้ต้องหาจะตกอยู่กับสำนักงานอัยการสูงสุดไม่ใช่พนักงานสอบสวนอย่างคดีอื่น ๆ ทั่วไป

เนื่องจากตามกฎหมาย แล้วคดีดังกล่าวเข้าข่ายเป็นคดีระหว่างประเทศ จึงเป็นหน้าที่ของอัยการระหว่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการสอบสวน และพิจารณาว่าจะทำการสอบสวนเองหรือมีดุลพินิจว่าจะส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ดำเนินการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานแทน

แต่จากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่ากรณีนี้ทางครอบครัวผู้เสียหายมีการดำเนินการร้องทุกข์ไว้กับทางตำรวจไทย ก็จะเข้าเงื่อนไขที่ต้องนำตัวส่งอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณา และทางการไต้หวันต้องส่งหลักฐานทางคดีมาให้พิจารณาด้วย

ขณะที่นาย​ยิ่งยศ​ เเซ่หลี่ พี่ชายของล่ามมี่ บอกว่า ดีใจที่นายหวังถูกจับกุม หลังจากนี้ไม่ว่าจะดำเนินคดีที่ไทยหรือไต้หวัน ก็ไม่หนักใจเพราะมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมทั้งในไทยและไต้หวัน โดยต้องการให้นายหวังไดัรับโทษสูงสุด ยืนยันต้องการให้นายหวังไปกราบศพน้องสาวตนและนายมาร์ค แต่ไม่ต้องมากราบขอขมาตนและคนในครอบครัวให้เสียเวลา เพราะไม่มีใครอโหสิกรรมให้

คุณอาจสนใจ

Related News