อาชญากรรม

ครูฝ่ายปกครอง เผย เจอนร.หญิง ม.6 หมดสติกลางป่า ก่อนพาส่งรพ. คาดเด็กป่วยแต่ไม่รู้ตัว

โดย attayuth_b

3 ก.ย. 2565

1.2K views

จากกรณีนักเรียนหญิงชั้น ม.6 โรงเรียนมัธยมสตึก บุรีรัมย์ ที่วิ่งหนีเข้าป่าหลังโรงเรียน เพราะถูกครูฝ่ายปกครองเป่านกหวีดไล่ตามให้มาร่วมกิจกรรมสวดมนต์ หนึ่งในนั้นหมดสติกลางป่า แต่ไม่มีใครให้ข้อมูล ล่าสุดผู้ที่พาเด็กส่งโรงพยาบาลคือครูฝ่ายปกครอง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา แม่เด็กติดใจโรงเรียนไม่มีรั้ว เบื้องต้นคาดว่าเด็กน่าจะมีป่วยแต่ไม่รู้ตัว    

วันนี้ (3 ก.ย.) กรณี น.ส.นิชาดา หรือฟิล์ม ศาลางาม อายุ 17 ปี นักเรียน ชั้น ม.6/6 โรงเรียนมัธยมสตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เสียชีวิตอยู่ป่าข้างโรงเรียนอย่างปริศนา หลังจากครูฝ่ายปกครองของโรงเรียน เป่านกหวีดไล่กวดให้ไปร่วมกิจกรรมสวดมนต์ ซึ่งเป็นช่วงคาบเรียนสุดท้ายของวันศุกร์เวลาประมาณ 15.30 น.(2 ก.ย.)นั้น ซึ่งหลังจากเกิดเหตุครอบครัวน้องต่างตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมครูโรงเรียนจึงไม่แจ้งให้ผู้ปกครองทราบ กลับเป็นหมอของโรงพยาบาลสตึก เป็นคนแจ้งว่าน้องเสียชีวิตแล้ว ทั้งยังไม่มีครูคนใด เข้าไปชี้แจงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

ล่าสุดนายนิรุส ศาลางาม อายุ 40 ปี และนางนุชจิรา ศาลางาม อายุ 38 ปี สองสามีภรรยา บ้านเลขที่ 38 ม.10 ต.ท่าม่วง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ พร้อมญาติกว่า 20 คน เข้าไปทำพิธีเชิญดวงวิญญาณของน้อง บริเวณป่าข้างโรงเรียนตามประเพณี ช่วงนั้นได้มีครูของโรงเรียนไม่พอใจที่มีนักข่าวเข้ามาในโรงเรียน เพราะเกรงว่าโรงเรียนจะเสียชื่อเสียง

จากนั้นนายปณิธาน สุดชนะ อายุ 35 ปีครูฝ่ายปกครอง และเป็นครูที่ตามหาเด็กเข้าไปสวดมนต์ พาไปชี้จุดที่เจอน้องหมดสติในป่า พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ในวันศุกร์ว่า คาบสุดท้ายของวันศุกร์ โรงเรียนจะมีกิจกรรมสวดมนต์ แต่มักจะมีเด็กนักเรียนจำนวนหนึ่งไม่ชอบร่วมกิจกรรม ตนเองซึ่งอยู่ฝ่ายปกครอง จึงใช้วิธีต้อนให้เข้าไปสวนมนต์ แต่วันนั้นมีเด็กนักเรียนมากกว่า 10 คน ที่ไม่ยอมขึ้นไปสวนมนต์ จึงใช้นกหวีดเป่า แต่เด็กกลุ่มนี้ได้วิ่งหนีกันชุลมุน กลุ่มหนึ่งวิ่งเข้าป่า จึงออกไปตาม กระทั่งเห็นน้องนอนหมดสติในท่าตะแครงอยู่ในป่า ห่างจากโรงเรียนประมาณ 300 เมตร แต่ยังมีลมหายใจ จึงพยายามอุ้มน้องออกจากป่าแล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที สาเหตุที่ไม่ได้แจ้งผู้ปกครองทราบ เพราะไม่รู้ว่าเด็กชื่ออะไร เพราะวันศุกร์ เด็กจะใส่เสื้อยืดกิจกรรม ไม่มีชื่อระบุ

นางนุชจิรา แม่น้อง บอกว่า ตนมีลูก 2 คน น้องเป็นคนโต คนเล็กเป็นผู้ชายกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.3 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวคิดว่าลูกสาววิ่งระยะไกล สำหรับโรคประจำตัวที่มีคนสงสัย ตนไม่เชื่อว่าลูกสาวมีโรคประจำตัว เพราะที่ผ่านมาลูกสาวไม่เคยเอ่ยปากว่าเจ็บปวดตรงไหน

นางนุชจิรา บอกด้วยว่า ที่ผ่านมามักจะเห็นเด็กนักเรียนมัธยมสตึก ออกไปเที่ยวเตร่ตามตัวอำเภอในช่วงเวลาเรียนเป็นประจำ อยากให้โรงเรียนเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะโรงเรียนไม่มีรั้ว ทำให้เด็กออกทางไหนก็ได้ เช่นเดียวกับลูกสาวที่เสียชีวิต เพราะวิ่งออกจากโรงเรียนได้ง่ายเนื่องจากไม่มีรั้ว

ผู้สื่อข่าวสอบถามนายวีรศักดิ์ พินิจ ผอ.โรงเรียนมัธยมสตึก ถึงการเยียวยาน้อง โดย ผอ.ปฏิเสธการให้ข้อมูล

คุณอาจสนใจ