เมีย ‘เสี่ยบี’ ร่ำไห้ขอโทษ ครวญไม่คิดหลบหนี พร้อมรับผิดชอบทุกอย่างที่ทำได้

เมีย ‘เสี่ยบี’ ร่ำไห้ขอโทษ ครวญไม่คิดหลบหนี พร้อมดูแลชดใช้ผู้เสียหาย รับสภาพจิตใจย่ำแย่ ยันทำร้านกับสามี 2 คน ไม่มีคนมีสีมาร่วม

จากกรณีที่เกิดเหตุโศกนาฏกรรมไฟไหม้ผับ Mountain B อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 65 พบศพผู้เสียชีวิต 13 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บ 36 รายนั้น เป็นเหตุไฟไหม้ผับครั้งใหญ่ที่มีการสูญเสียเป็นจำนวนมาก

ล่าสุด นางอนงค์นารถ ปั้นประสงค์ อายุ 31 ปี ภรรยาของเสี่ยบี เจ้าของผับ Mountain B กล่าวถึงเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุว่า วันนั้นร้านเปิดให้บริการตามปกติ โดยในส่วนของผู้บริหารทั้งเสี่ยบีและเขามีนัดกันจะเข้าไปเช็กซาวน์ในร้านที่ได้ทำการปรับเปลี่ยนใหม่ หลังเช็กสต็อกของเสร็จ และนัดทางช่างที่จะมาติดตั้งไว้แล้ว แต่ปรากฏว่าหลังเข้าไปได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นจากบริเวณด้านใน ก่อนไฟจะลุกลามขึ้น จากนั้นจึงตะโกนบอกทุกคนว่าไฟไหม้ให้รีบหลบหนีออกมาด้านนอก พร้อมสั่งการให้พนักงานช่วยเหลือลูกค้าที่ติดอยู่ภายใน เขาก็พยายามวิ่งเข้าไปร่วมด้วยแต่ขณะนั้นก็เกิดกลุ่มควันดำพวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรง ช่วงนั้นหลังตั้งสติได้ก็ตัดสินใจโทรแจ้งขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยกู้ภัยและดับเพลิง จนการ์ดของทางร้านได้ตะโกนบอกว่าห้ามเข้าภายในกำลังจะระเบิด จึงวิ่งออกมาหลบด้านนอก ก่อนมีการระเบิดขึ้น ซึ่งมีเปลวไฟโหมออกมาด้านนอกอย่างรุนแรง ทำให้เข้าไปหลบในห้องด้านนอกซึ่งจังหวะนั้นก็มีผู้บาดเจ็บที่ลำตัวมีเปลวไฟวิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือ จึงพยายามดับไฟและนำผ้าห่มมาคลุมตัวไว้ โดยส่วนตัวยอมรับว่าสภาพของผู้ได้รับบาดเจ็บเห็นแล้วยังรู้สึกทำใจไม่ได้และเหตุการณ์ถือว่าชุลมุนเป็นอย่างมาก กระทั่งหน่วยกู้ภัยมาถึงจึงได้ร้องขอความช่วยเหลือ

นางอนงค์นาถ กล่าวอีกว่า ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ทั้งสามีและตัวเองก็อยู่และพยายามช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับบาดเจ็บไม่ได้หลบหนีไปแต่อย่างใด ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นก็อยู่โรงพักมาตลอด 2 วันไม่ได้อาบน้ำ เนื้อตัวมีแต่กลิ่นไหม้ ขณะที่สภาพจิตใจก็ย่ำแย่เป็นอย่างมาก ทั้งนี้สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องกราบขออภัยผู้ที่ประสบเหตุและครอบครัวเป็นอย่างมาก ไม่ได้มีเจตนาให้เกิดเหตุการณ์ขึ้น ส่วนเขาและสามีก็เป็นเพียงแค่คน 2 คนที่พยายามทำมาหากินเท่านั้น และพร้อมจะรับผิดชอบดูแลทุกอย่างที่สามารถทำได้ แม้ว่าสิ่งที่พูดจะไม่สามารถชดใช้เรื่องที่เกิดขึ้นได้ก็ตามซึ่งต้องขอโทษจากใจจริงๆ

ส่วนกรณีที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่ามีคนมีสีมาเอี่ยว มีนักการเมืองเป็นแบ็กอัปให้นั้น เรื่องจริงคือไม่มีใครมาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด เป็นเพียงแค่ความคิดของเขาและสามีเท่านั้น ที่อยากจะเปิดกิจการเป็นของตัวเองเพื่อทำธุรกิจและดำเนินชีวิต