เหยื่อ 'เมาน์เทน บี' โชว์แผลเต็มตัว เผยเจ้าของไร้เหลียวแล กลับเปิดร้านใหม่ พ้อ "ถ้ามีเงินก็มาเยียวยาบ้าง"

หนุ่มนักดนตรี ที่บาดเจ็บจากโศกนาฏกรรมเมาน์เทน บี เผย ทางร้านหยุดจ่ายเงินเยียวยาให้ตั้งแต่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา เผยไม่เคยมาเยี่ยม และถามไถ่ค่ารักษา ให้ผู้จัดการเป็นคนกลางติดต่อมาแทน ทุกวันนี้ยังต้องล้างแผลแทบทุกวัน



นักดนตรี ซึ่งเป็น 1 ในผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “เปิดร้านใหม่ ได้เงินแล้วก็เอามาเยียวยาพวกผมบ้างนะ ทุกวันนี้ไปทำแผลไม่ได้เงินสักบาท อ้างว่าผมไม่ได้นอนรพ.แล้ว แต่ผมพึ่งไปผ่าตัดมา นอนรพ.มาครึ่งเดือน ยังไม่มีเหลียวแลสักนิด รพ. ก็อยู่ในสัตหีบ ไม่เคยมาสนมาดูแลสักครั้ง ค่าเครื่องดนตรีที่เล่นให้ร้านคุณ ยังไม่ได้คืนสักบาท แต่มีปัญญาแจกเหล้าลูกค้า โปรโมทสารพัด ตลกสิ้นดีครับประเทศนี้ ปล.ผมคือนักดนตรีที่โดนไฟไหม้จากร้าน ๆ นึงครับ”



โดยมีคนเข้าไปสอบถามว่า เจ้าของร้านบอกว่าช่วยเต็มที่ เงินก็ให้ตลอด ทำให้ผู้โพสต์มาตอบคอมเมนท์ว่า “ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้เจ้าของร้านจริง ๆ ยังไม่เคยทักหาผมหรือญาติของผมเลย เยี่ยมก็ไม่เคยสักครั้ง มีแต่ให้ผู้จัดการร้านทักแชทมา ซึ่งในช่วงแรกผมไม่ได้ออกมาเรียกร้องอะไรเพราะสภาพผมคือเกือบตาย เขาได้ให้เงินเยียวยามาบางส่วน แต่ก็หยุดให้ไปนานแล้วตั้งแต่ 5 ต.ค. ยอดรวมมันยังไม่ได้ค่ารักษาของผมเลย ไม่ต้องพูดถึงค่าใช้จ่ายนอกเหนืออื่น ๆ อีกเพียบ



ทุกวันนี้ผมทำแผลวันเว้นวัน โดนแดดไม่ได้ ค่าใช้จ่ายอีกเท่าไหร่ ผมเห็นที่เขาออกมาแก้ตัวดูเหมือนเขาเยียวยาหรือรับผิดชอบอยู่ตลอด ผมเห็นแล้วก็แอบขำ คนเราจะแก้ไขตัวเองมันต้องทำให้เห็นไม่ใช่แค่มาโพสข้อความเห็นใจ ผมพึ่งผ่าตัดไปตอนต้นเดือนพย. ผู้จัดการร้านเขาก็รู้ ขนาดอยู่โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ใกล้ ๆ ร้าน เขายังไม่มีน้ำใจที่จะมาเยี่ยมหรือมาถามไถ่เลยสักครั้ง”



ทีมข่าวได้พูดคุยกับ ผู้โพสต์ คุณฟร้องซ์ มือกลอง วงแต๋วแหวว วัย 24 ปี ที่เล่นในคืนเกิดเหตุ เจ้าตัวได้โชว์บาดแผล ตามร่างกายที่ถูกไฟไหม้ให้ทีมข่าวดู โดยแขนทั้ง2 ข้างยังพันแผลอยู่ รวมถึงให้ดูบาดแผลจากเพลิงไหม้ที่หลัง แม้จะผ่านมาเกือบ 4 เดือน วันนี้เจ้าตัวกลับมารักษาตัวที่บ้านพัก ในอำเภอสัตหีบแล้ว แต่เจ้าตัวยังต้องไปล้างแผลเกือบทุกวันที่โรงพยาบาล



สาเหตุที่ตนเองตัดสินใจโพสต์ เพราะเห็นว่าได้มีการกลับมาเปิดร้านใหม่ ในสถานที่ตั้งใกล่กับ mountain B (โดยใช้ชื่อร้านว่า never land ) แต่ทางร้านกลับหยุดเยียวยาให้กับตนเองไปเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม



ที่ผ่านมาทางร้านเคยให้เงินเยียวยาในช่วงแรก โดยจะให้ครั้งละ 10,000-20,000 บาท ซึ่งตนไม่มั่นใจว่าให้มาทั้งหมดกี่ครั้ง แต่รวมยอดทั้งหมดอยู่ที่ 1 แสน 1 หมื่นบาท



ซึ่งไม่พอกับค่ารักษาพยาบาล ตนเองแอดมิดอยู่โรงพยาบาล 2 รอบ รอบแรกแอดมิดไอซียู อยู่ประมาณเดือนกว่าๆ ค่าใช้จ่าย 1 แสน 5 หมื่นบาท และรอบ 2 แอดมิด เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน เพื่อทำการรักษา skin graft เอาผิวหนังจากต้นขา ไปแปะทับแผลที่ยังไม่แห้ง บริเวณหลัง และต้นแขน มีค่าใช้จ่ายอีก 5 หมื่นบาท และยังมีค่าทำแผล ค่าเดินทางในไปล้างแผลที่โรงพยาบาล และค่าใช้จ่ายต่างๆ เบ็ดเสร็จตัวเลขรักษาตัว จนถึงปัจจุบัน คาดว่ามากกว่า 3 แสนบาท



แต่กลายเป็นว่า หลังจากวันที่ 5 ตุลาคม มีเพียงผู้จัดการร้าน ที่ส่งข้อความมาสอบถามมาทางแม่ตนเอง ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทางแม่จึงบอกว่าลูกชายจะมีการผ่าตัด skin graft ซึ่งทางผู้จัดการก็ตอบกลับมาว่า “ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดี” นั่นคือสิ่งที่ตนได้กลับมา แต่ ไม่มีการสอบถามว่าค่าใช้จ่ายเท่าไหร่หรือสอบถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง อันตรายหรือไม่



ตนเองถือเป็นพนักงานของร้าน แต่เจ้าของร้านกลับไม่เคยมาทักมาหาตนเองเลยด้วยซ้ำ แต่กลับโพสต์ข้อความที่ทำให้คนเข้าใจผิดว่าทางร้านยังเยียวยาตนเองอยู่



ส่วนกรณีที่เห็นว่ามีการเปิดร้านใหม่ในพื้นที่ใกล้จุดเกิดเหตุ ตนเองเริ่มเห็นตั้งแต่ขับรถผ่านเพื่อไปทำแผลที่โรงพยาบาลแทบทุกวัน และเริ่มเห็นการโปรโมทผ่านเพจของร้าน ทำให้มองว่า หากได้เงินมาแล้วก็ช่วยเอาเงินมาเยียวยาตนเองด้วย ยืนยันว่าไม่ได้จะไปตัดสินว่าห้ามทำธุรกิจ หรือทำมาหากิน แต่ตามหลักความเป็นจริง ตั้งข้อสังเกตว่าสามารถกลับมาเปิดได้ด้วยหรือ เพราะก่อนหน้านี้ ทางจังหวัดเคยมีคำสั่งปิด 5 ปี

รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/zy93hdKmCtM