เกาะติดเหตุสลด อดีตตร.กราดยิงศูนย์เด็กเล็ก ก่อโศกนาฏกรรม มากสุดในประวัติศาสตร์

เกิดเหตุสะเทือนขวัญอย่างไม่น่าเกิดขึ้น ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลอุทัยสวรรรค์ อ. นากลาง จ.หนองบัวลำภู ทำให้มีผู้เสียชีวิตจนถึงขณะนี้ 37 คน


สำหรับเหตุสลดนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กเล็ก กำลังนอนพัก หลังอาหารกลางวัน อยู่ภายในศูนย์ฯจากนั้นก็ก่อเหตุทำร้ายโดยมีดเป็นหลัก ภายในศูนย์นี้มีผู้เสียชีวิต 24คน /คนที่เหลือก็ปีนหน้าต่างออกไปได้ จากนั้นผู้ก่อเหตุขับรถเข้าหมู่บ้าน ระหว่างทางขับชนกับชาวบ้านเสียชีวิต 1 คน ยิงคนในหมู่บ้านอีก 1 คน ทำให้ในบ้านเสียชีวิต 2 คน


คนก่อเหตุเมื่อไปถึงบ้านพักตัวเอง ก็ไปเผารถยนต์ ที่ขับมาจากนั้นก็ยิงภรรยา และลูกชาย แล้วยิงตัวเอง รวม 3 คน ส่วนผู้บาดเจ็บ ที่ถูกทำร้ายก็พบว่าเสียชีวิตอีก 6 คน รวมผู้เสียชีวิต ณ เวลานี้ 37 คน ร่างของผู้เสียชีวิตถูกทะยอยแยกออกไปแล้วตั้งแต่หัวค่ำ จนตอนนี้หมดแล้ว โดยเคลื่อนย้ายผู้เสียชีวิตไปตรวจสอบรายละเอียด ให้แน่ชัดที่ รพ.นากลาง จากนั้นจะส่งไปที่ รพ.ศูนย์อุดรธานีเพื่อชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิต


ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสรุปสถาการณ์ ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว 3 มิติ ว่า แรงจูงใจน่าจะมาจากความเครียดเรื่องคดีความ

ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ อายุ 34 ปี บรรจุเป็นข้าราชการตำรวจ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 ตำแหน่ง ผบ.หมู่(ปราบปราม) สภ.ยานนาวา ก่อนย้ายมาดำรงตำแหน่ง ผบ.หมู่(ปราบปราม) ที่สภ.นาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2562


โดยประวัติ พบว่าหลังบรรจุเป็นผู้บังคับหมู่ ที่สภ.ยานนาวาแล้ว // วันที่ 10 กรกฎาคม 2562 ย้ายกลับบ้านเกิด มาดำรงตำแหน่งเป็น ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.นาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู


หลังจากย้ายมาที่ สภ.นาวัง เริ่มมีปัญหาทะเลาะกับแฟน เนื่องจากแฟนไม่ได้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน และเริ่มมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจนร่างกายซูบผอม มีอารมณ์ฉุนเฉียว ซึ่งเพื่อนข้าราชการตำรวจต่างทราบดีและไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย


ต่อมา ส.ต.อ.ปัญญาได้เริ่มคบกับผู้หญิงอีกคน จากการตรวจสอบประวัติผู้หญิงคนดังกล่าว เคยเป็นแฟนกับ ผู้ต้องหาคดียาเสพติด ซึ่งขณะนี้ถูกจำคุกอยู่ที่เรือนจำจังหวัดหนองบัวลำภู


โดยมีข้อมูลว่า มักพาเพื่อนมามั่วสุมดื่มสุราและส่งเสียงดังที่ห้องพักข้าราชการตำรวจเป็นประจำ และชอบนำอาวุธปืนมายิง ทำให้ไม่มีคนกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว ต่อมา ทาง สภ.นาวัง ได้ดำเนินการ ตามโครงการตำรวจสีขาว ไม่ไห้ข้าราชการตำรวจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ยังได้รับรายงานว่า ส.ต.อ.ปัญญา ยังมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ


ต่อมา เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2565 ชุดสืบสวนสอบสวนภูธร จังหวัดหนองบัวลำภู ได้เข้าตรวจค้นจับกุม ปรากฏหลักฐานตามบันทึกจับกุม ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ส.ต.อ.ปัญญาให้การรับสารภาพว่า ได้รับมาจากอดีตตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งถูกไล่ออกจากราชการแล้ว


ซึ่งวันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ศาลนัดให้ส.ต.อ.ปัญญาไป ฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดหนองบัวลำภู หลังจากที่ศาลแถลงปิดคดีครอบครองยาเสพติดไปเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา


สำหรับรายละเอียดคดี ส.ต.อ.ปัญญา เป็นคดีที่ถูกพนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีครอบครองยาบ้า ฟ้องในข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนฯ) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพโดยไม่ได้รับอนุญาต ในชั้นจับกุมและสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ จำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวตั้งแต่ชั้นสอบสวนตลอดจนชั้นพิจารณา