สามีครูพร เหยื่อกราดยิงหนองบัวลำภู ถามหามนุษยธรรม หลังรัฐอ้างกม. ลูกสิ้นใจในท้องไม่เข้าเกณฑ์เยียวยา

ครบรอบ 1 เดือน เหตุโศกนาฏกรรมกราดยิงหนองบัวลำภู ภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.อุทัยสวรรค์ จ.หนองบัวลำภู ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 38 ศพ

ซึ่งหนึ่งในผู้เสียชีวิตคือ น.ส.สุภาพร หรือ ครูพร อายุ 26 ปี ครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.อุทัยสวรรค์ ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ 8 เดือน ทำให้เสียชีวิตพร้อมกับลูกน้อยในครรภ์ ที่ทางครอบครัวตั้งชื่อว่าน้องซีวิค ก่อนทำการผ่าเอาร่างออกจากท้องแม่ เพื่อทำการฌาปนกิจ

หลังผ่านเหตุสะเทือนขวัญไป 1 เดือน นายเสกสรรค์ (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี สามีของครูพร ที่ต้องสูญเสียทั้งภรรยาและลูกในคราวเดียวกัน ได้โพสต์เรียกร้องความเป็นธรรม ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตที่ทางหน่วยงานรัฐตีความว่า ลูกชายในครรภ์ ไม่เข้าเกณฑ์ได้รับการเยียวยา โดยโพสต์ระบุว่า

“ลูกผมนะ ถ้าพูดตามกฎหมายลูกผมไม่ได้รับการเยียวยาอยู่แล้ว เพราะลูกผมมาสิ้นใจตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ถ้ารัฐบาลมาถามหาเลขบัตรประชาชน ใบเกิดลูกผมไม่มี เพราะลูกผมสิ้นใจก่อน จะให้เขาเอาเลขบัตรประชาชนกับใบเกิดมาแต่ไหน ขนาดผมพาภรรยาไปผ่าคลอดทั้งๆ ที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว

นี่หรอคือสิ่งที่รัฐเอาแต่กฎหมายมาอ้างในการเยียวยาลูกชาย เหตุผลเพียงเพราะลูกผมสิ้นใจในท้อง ผมเคารพกฎหมายบ้านเมืองเสมอ แต่พวกคุณเข้าใจไหมว่ามนุษยธรรมมันควรมีทุกคน สิ่งที่ผมโพสต์วันนี้และในส่วนของราชการละครับ คุณเอาแต่กฎหมายว่าลูกผมไม่มีนั่นนี่ สิ้นใจก่อนไม่นับลูกผมในการเสียชีวิตครั้งนี้ ผู้ใหญ่ทุกภาคส่วนรู้ไหมว่าผมต้องเจ็บช้ำแค่ไหน

ผู้ใหญ่เอาแต่หลักเกณฑ์มาพูด อันนั้นอันนี้ไม่ได้ แต่ผู้ใหญ่เข้าใจไหมว่าผมสูญเสียทั้งเมียและลูก ผมรู้ว่าทุกคนก็สูญเสียไม่แพ้กัน ผมเป็นพ่อ ผมต้องทวงความยุติธรรมให้ลูกผม แล้วเอาแต่กฎหมายมาอ้าง สงสารลูกผมบ้างไหม มนุษยธรรมมีให้ลูกผมบ้างไหม

ผมว่าจะไม่โพสต์แล้ว ผมอดทนมานานแล้ว ถ้าคิดว่าผมเห็นแก่เงิน คุณก็เอาชีวิตลูกเมียผมคืนมา ต่อให้ผมมีหนี้มากแค่ไหนผมก็มีความสุข ผมได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน นี่หรอคือสิ่งที่ผู้ใหญ่บ้านเมืองเห็นชีวิตเด็กน้อย 8 เดือนมีค่าแค่นี้ ทั้งๆ ที่เขาจะต้องลืมตามาดูโลกแล้ว ผมอยากถึงรัฐบาลพวกคุณก็มีลูกมีหลาน พวกคุณก็น่าจะเข้าใจเรื่องนี้ดี”

หลังโพสต์เผยแพร่ไป โลกโซเชียลได้เข้าไปให้กำลังใจนายเสกสรรค์ จำนวนมาก พร้อมฝากถึงเจ้าหน้าที่รัฐต้องไตร่ตรองระหว่างกฏหมาย กับจิตสำนึกและความถูกต้อง และอยากให้ยกเว้นเรื่องบริบทกฎหมาย เพื่อมอบความเป็นธรรมให้กับครอบครัวผู้สูญเสีย

ขณะที่บางรายเข้าใจความรู้สึกของผู้สูญเสียของทุกท่านและเศร้าสลดกับเหตุการณ์นี้ แต่โดยหลักการระเบียบการจ่ายเงินทุกบาททุกสตางค์ของทางราชการจะต้องเป็นไปตามกฎหมาย ตามระเบียบที่กำหนดไว้ ถ้าไม่ปฎิบัติตามระเบียบกฎหมาย ผู้สั่งจ่ายมีความผิด

ซึ่งสภาพบุคคล การเกิดการตาย ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เรื่องสภาพบุคคล ที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่า “สภาพบุคคลย่อมเริ่มแต่เมื่อคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารก และสิ้นสุดลงเมื่อตาย”

ในเมื่อทารกในครรภ์ยังไม่มีสภาพบุคคลตามกฎหมาย (ยังไม่ได้คลอดแล้วรอดเป็นทารก) จึงยังไม่มีการเกิดและการตาย