การโทรศัพท์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยังมีอยู่ต่อเนื่อง ล่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายถูกหลอกและโอนเงินไป 3 คน มีโอนเงินไป 4 ล้านบาท อีกราย 165,000 บาท และ 4 แสนบาท รวมกว่า 4. 5 แสนบาท ทำให้ขณะนี้มีผู้เสียหาย 138 คน ความเสียหายกว่า 50 ล้านบาทแล้ว

ตำรวจPCTและตร.สืบสวนภูธรภาค 2ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์กว่า 100 รายแล้ว โดยร่วมกับทางการกัมพูชาจับกุมได้ทั้งหมด 21 ราย ส่วนที่เหลือได้มอบหมายจับให้เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจกัมพูชาจับกุม โดยเฉพาะผู้ต้องหารายสำคัญ คือ

นายสุคนธนารักษ์ นาคจันทร์ หรือนายปอ หนวดงาม อายุ 34 ปี ตัวการสำคัญ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้คุมกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ทุกกลุ่มในกัมพูชา รองจากนายทุนชาวจีน ทำให้นายปอมีคนคุ้มกัน



ทีมข่าว 3 มิติได้เดินทางไปบ้านของนายปอ ที่อยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ย่านพระโขนง พบว่าครอบครัวนายปอได้ย้ายจากที่อยู่ตรงนี้ไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยเป็นที่ดินเช่า แต่ปลูกบ้านเอง ขณะนี้เป็นผู้เช่ารายอื่นไปแล้ว ซึ่งชาวบ้านระบุว่าครอบครัวนายปอมีพี่น้องหลายคน นายปอเรียนไม่จบ มักมีคดีลักเล็กขโมยน้อยและยาเสพติด จึงเข้า-ออกเรือนจำบ่อย

ขณะที่การจับกุมบัญชีม้า ตำรวจกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและเยาวชน ได้จับกุมนายวงศกร แนมชุนทด อายุ 32ปี หลังจากมีผู้เสียหายที่ถูกมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นหน่วยงานของรัฐ หลงเชื่อโอนเงินไป 7 แสนบาท โดยยอมรับว่าเปิดบัญชีม้าแลกกับค่าตอบแทน

และบัญชีม้าอีกราย ที่ผู้เสียหายโอนไป พบว่า ยังถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำ ซึ่งเส้นทางบัญชีม้าจะโอนออกทันที พบว่ามีการโอนไปถึง 6 ทอด และสุดท้ายมีการนำไปแปรเป็นเงินดิจิตอล



ส่วนการจับกุมนายหน้าหาคนเปิดบัญชีผ่านแอปธนาคาร ตำรวจสืบสวนสอบสวนนครบาล นำโดยพล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับการสืบสวนนครบาล จับกุมนส.เมย์ษาพร ที่ผันตัวจากขายม้า จนถูกขึ้นแบล็คลิส และขายบัญชีตัวเองไม่ได้ จึงผันตัวมาเป็นนายหน้า ซื้อขายบัญชี ทางเฟซบุ๊ก และนำไปเปิดบัญชีทางออนไลน์

ยืนยันตัวตนได้ง่ายโดยไม่ต้องไปธนาคาร ซื้อขายไปแล้วกว่า 50 บัญชี และบัญชีม้า นับเป็นต้นทางของการกระทำผิดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเร่งให้จับกุมให้หมดไป