แพทย์จุฬาฯ เตือนฉีดวัคซีนเข็ม 3 แล้ว ก็มีสิทธิ์ติดเชื้อ และอาการรุนแรงได้ หลังพบนายกฯ เทศมนตรีเมืองราชบุรี ติดเชื้อลงปอด

จากกรณี นายศักดิ์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองราชบุรี ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่าตัวเองและครอบครัวรวม 4 คน ติดเชื้อโควิด-19 โดยอยู่ระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาล

โดยทีมข่าวได้รับการยืนยันจาก นายศักดิ์ชัย ว่าเขาได้รับวัคซีนแล้ว 3 เข็ม คือ 2 เข็มแรกเป็นซิโนแวค ครบจำนวนโดสเมื่อ 17 กรกฎาคม และได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกากระตุ้นเป็นเข็มที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา

แม้ว่าจะผ่านมากว่า 2 สัปดาห์ แต่สุดท้ายเขาก็ยังติดเชื้อได้ โดยปัจจุบันนายยกเทศมนตรีคนนี้มีอายุ 40 ปี และไม่มีการยืนยันโรคประจำตัวใดๆ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุของการติดเชื้อ แต่นายศักดิ์ชัยยืนยันว่าสวมหน้ากากอนามัยไว้ตลอดเวลาที่ออกไปพบกับชาวบ้าน

เบื้องต้นแพทย์ได้ตรวจร่างกายและตรวจปอด พบว่าปอดเป็นฝ้าขาว และมีการแพร่กระจายของเชื้อลงสู่ปอดแล้ว 30% โดยขณะนี้แพทย์ได้ให้ยา COVIFOR แทน ฟาวิพิราเวียร์ที่ไม่สามารถรักษาได้ ตอนนี้มีแค่อาการไอเล็กน้อย มีไข้ต่ำ ส่วนภรรยาและลูกๆ เชื้อไม่ลงปอดจึงรักษาไปตามอาการ

การฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 เป็นแอสตราเซเนกานั้นเป็นสูตรที่ทางกระทรวงสาธารณสุขนำมาใช้ฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัครด่านหน้าบางส่วน ควบคู่กับสูตรกระตุ้นด้วยวัคซีนไฟเซอร์

โดยสูตรนี้ได้รับการยืนยันจากผลวิจัยของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ว่าการฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม แล้วตามด้วยแอสตราเซเนกาเป็นเข็มที่ 3 หลังผ่าน 2 สัปดาห์

พบระดับภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี้สูงถึง 11 เท่า เมื่อเทียบกับซิโนแวค 2 เข็ม ซึ่ง 24 กันยายนนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขจะนำวัคซีนสูตรนี้มาใช้ฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนเป็นเข็มที่ 3

ทางด้าน ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ระบุว่า การติดเชื้อแม้ได้รับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะพบระดับภูมิคุ้มกันสูงขึ้นตามมาหรือไม่ เนื่องจากภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นมีหลายส่วน

และขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามผลการศึกษาว่าระดับภูมิที่สูงขึ้นมากจะส่งผลต่ออาการขณะติดเชื้อด้วยหรือไม่ หากร่างกายได้รับเชื้อในปริมาณที่มากจากสายพันธุ์ของไวรัสที่เปลี่ยนแปลงตลอดในปัจจุบัน

สำหรับสถานการณ์ของโควิด 19 ในประเทศ วันนี้ (19 ก.ย.) ยังทรงตัว มีผู้ติดเชื้อใหม่ 13,576 คน รวมสะสมจนถึงขณะนี้ 1,476,477 คน รักษาตัวอยู่ 131,095 คน เป็นอาการหนัก 3,646 คน ใช้เครื่องช่วยหายใจ 768 คน เสียชีวิตเพิ่ม 117 คน รวมสะสม 15,363 คน

ในภาพรวมทั่วประเทศวันนี้ สัดส่วนการติดเชื้อในต่างจังหวัดยังเพิ่มขึ้น โดยมีผู้ติดเชื้อในต่างจังหวัดร้อยละ 64  ขณะที่ กทม.และปริมณฑล ลดลงเหลือร้อยละ 36