เมื่อวานนี้ (31 มี.ค.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. กล่าวถึงการนัดชุมนุมวันที่ 4 เมษายน นี้ ในเวลา 16.00 น. ที่อนุสาวรีย์วีรชนพฤษภา 35 ว่า เริ่มมาจากที่ทนไม่ได้กลับวิกฤติบ้านเมืองในขณะนี้ จึงได้เชิญชวนบุคคลที่เคยผ่านเหตุการณ์พฤษภา 35 มาร่วมกันหาทางออกของวิกฤติประเทศ และตนก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่เคยผ่านเหตุการณ์พฤษภา 35 ก็มองว่าถึงเวลาแล้วที่ จะต้องช่วยกันนำประเทศออกจากวิกฤติ ซึ่งปัญหาขณะนี้มาจากคนคนเดียวคือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ไม่ยอมทำตามที่เคยสัญญไว้ตั้งแต่รัฐประหารว่าจะอยู่ไม่นาน

กระทั่งผ่านเวลามาถึง 7 ปี และที่เป็นสายป่านสุดท้าย ที่ทำให้บุคคลที่เคยผ่านเหตุการณ์พฤษภา 35 ออกมาเคลื่อนไหว โดยใช้เหตุการณ์พฤษภา 35 เป็นโมเดล คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พลเอกประยุทธ์ไม่ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน หรือแม้กระทั่งเรื่องมาตรา 112 พลเอกประยุทธ์ก็ เป็นคนระบุว่าจะไม่มีการใช้มาตรา 112 แต่สุดท้ายก็ดำเนินคดีกับกลุ่มราษฎรด้วยมาตรา 112 ทำให้กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ คนที่ได้ประโยชน์คือพลเอกประยุทธ์ ขณะที่กลุ่มเยาวชนต้องติดคุก เหล่านี้เป็นปัญหาการเมืองยังไม่รวมปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก

"ยืนยันว่าตนเองเป็นตัวของตัวเองมีอุดมการที่ชัดเจน และการเลือกตั้งนายก อบจ. ที่ผ่านมา ตนเองก็ยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับนายทักษิณ จนถูกวิจารณ์ว่าย้ายขั้วไปอยู่ฝั่งรัฐบาล เรื่องนี้จึงไม่เกี่ยวข้องกับนายทักษิณ เป็นการมาร่วมตามคำเชิญชวนของประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35"

ขณะที่นายสิระ เจนจาคะ สส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมายและยุติธรรม กล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช. ในวันที่ 4 เมษายนนี้

โดยขอถามไปยังนายจตุพรว่า ที่ผ่านมาบ้านเมืองเสียหายขนาดไหน มีผู้บาดเจ็บล้มตายไปมากน้อยแค่ไหน สถานที่ราชการถูกเผาไปกี่แห่ง ยังจะนัดชุมนุมให้ประเทศชาติเสียหายอีกหรือ จึงขอให้นึกถึงประเทศชาติบ้าง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า เป็นโครงการสู้แล้วรวย ภาค 2 หรือไม่ เพราะผู้เข้าร่วมการชุมนุมบางคน ถูกสรรพากรตรวจสอบภาษี ต้องชำระภาษีเงินได้ถึง 500 ล้านบาท โดยขอให้นายจตุพรประกอบอาชีพสุจริตบ้าง และขอเตือนนายจตุพรว่า เวรกรรมมีจริง

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/j0b1tUvndr4