เลือกตั้งและการเมือง

ปราศรัยเดือด! ม็อบ ม.เกษตรฯ ชุมนุมขจัด สว.ชักธงดำขึ้นยอดเสา ‘อานนท์’ ชี้ให้ ‘ก้าวไกล’ แก้ 112 แค่ข้ออ้าง

โดย petchpawee_k

22 ก.ค. 2566

141 views

ตัวเเทนนิสิต ม.เกษตร เผย จัดกิจกรรมเพื่อเรียกร้องให้ ส.ว.เคารพเสียงประชาชน ลั่น พร้อมลงถนน หากการโหวตนายกฯครั้งหน้าไม่สำเร็จ หวิดชลมุนหญิงสูงวัยบอกที่ปราศรัยไม่จริง จัดกิจกรรม เปลี่ยนธงชาติ เป็นธงสีดำ แสดงเชิงสัญลักษณ์ ด้านมายด์ ปราศรัย ระบุ ปชช.รอความหวังรัฐบาล แต่ถูกสัดทุกทางเพราะ รธน 60 พร้อมลงถนนแน่ หาก ขั้วอำนาจเก่ามาเป็นรัฐบาล หรือนายก


ยังคงเป็นสถานการณ์เกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มต่างๆที่สะท้อนและแสดงเชิงสัญลักษณ์กับการที่นายพิธาลิ้มเจริญรัตน์ไม่ได้รับการโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี


วานนี้ ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (บางเขน) นิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดกิจกรรมชุมนุมรวมตัวกัน ชื่อกลุ่มว่า “พรรคอาทิตย์ใหม่ จัดกิจกรรมปราศรัยเรื่อง “ร่วมขจัด สว.ใจทราม”


บรรยากาศมีรถกระบะติดเครื่องขยายเสียง จำลองเป็นเวทีปราศรัย หน้าหอประชุม มีการตั้งเต้นท์แจกใบปลิวและร้านค้าต่างๆ มาตั้งขายอาหารและสินค้าเกี่ยวกับพรรคก้าวไกล


นายเฟธ นิสิตชั้นปีที่ 3 พรรคอาทิตย์ใหม่ เปิดเผยถึงการจัดกิจกรรมในวันนี้ โดยระบุจะเป็นการปราศรัยในหัวข้อเรื่อง สว.และรัฐธรรมนูญที่เอื้อประโยชน์ให้กับ สว.จากผู้คนหลายกลุ่ม ซึ่งรวมถึงนักเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ ทั้งนายอานนท์ นำภา นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข จะมีกิจกรรมเคารพธงชาติ และร้องเพลงร่วมกัน สำหรับเหตุผลของการจัดกิจกรรม ก็เพราะเสียงของประชาชนไม่ได้รับความเคารพจากเหล่า สว.จึงได้จัดกิจกรรม Respect my vote เพื่อเป็นกระบอกเสียงของประชาชนที่ถูกริดรอนสิทธิ์ไป


 นายเฟธ กล่าวอีกว่า ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา หลายคนต้องทำเรื่องเดินทางกลับบ้านเพื่อให้ได้เลือกตั้ง มีค่าใช้จ่ายและภาระต่างๆ ทนแดดทนฝนเพื่อใช้เสียงที่มีค่าของตัวเอง แต่กลับมีคน 250 คนที่มาจากการแต่งตั้ง พรากในสิ่งที่พวกเราตั้งใจอยากเปลี่ยนประเทศ ดังนั้นจึงต้องการทำให้ สว.ได้เห็นเสียงของประชาชนทุกคนว่ามีค่าไม่ว่าจะ 14 ล้านเสียงหรือกี่เสียงก็มีค่าเช่นกัน เพราะประชาชนคือเจ้าของประเทศที่แท้จริง อย่างไรก็ตาม หากการโหวตเลือกนายก ครั้งที่ 3 ผลออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ จะยังคงออกมาเคลื่อนไหวอีกแน่นอน พรรคอาทิตย์ใหม่พร้อมจะอำนวยความสะดวกให้การทำกิจกรรมในครั้งต่อๆ ไป


จากนั้นเวลา 18:00 น. ช่วงเคารพธงชาติก็พบว่ามีการจัดกิจกรรมของกลุ่มโดยมีการนำธงสีดำที่เขียนข้อความ  Respect my vote และเอาธงชาติไทยออก เพื่อแสดงเชิงสัญลักษณ์ให้รู้ว่าขณะนี้ประชาชนรู้สึกเช่นไร


จากนั้นก็ถึงเวลาปราศรัยหนึ่งในแกนนำมี น้องมายด์ ภัสราวลี ขึ้นปราศรัยโดยมีเนื้อหาโจมตีการทำหน้าที่ของ สว. โจมตีรัฐธรรมนูญ 2560 ที่บิดเบี้ยว “ให้อำนาจ สว. มากกว่าเสียงเลือกตั้งที่มาจากประชาชน เรียกร้องให้หยุดเล่นเกมการเมืองสักและเชื่อว่ามีกระบวนการขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาล” และมองว่าการตั้งรัฐบาลล่าช้า ยิ่งทำให้ความฝันความหวังในการการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ยิ่งเข้ามาช้าเช่นกัน ทำให้เราต้องอยู่กับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีไปอีกนาน


จะขอเก็บความโกรธไว้เตรียมและยืนยันว่าที่ออกมาปราศรัยครั้งนี้ ไม่ได้ปกป้องนาย พิธา แต่ปกป้องเสียงของประชาชนที่ใช้เลือกตั้ง เราต้องต่อสู้อย่างเต็มที่เพื่อให้อำนาจกลับมาเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ตนมาในฐานะพลเมือง ตอนนี้อยากให้ทุกคนเก็บความโกรธไว้ เพราะนี่คือนิมิตหมายในการออกมาเรียกร้องของประชาชนที่มหาวิทยาลัยแห่งแรกของฤดูกาลนี้ ทำให้เรียกเสียงฮือฮาอย่างมากของมวลชนที่เห็นด้วย


มายด์ คิดว่ามันเกิดจากกลไกของรัฐธรรมนูญ ปี 60 ที่ทำให้นักการเมืองและรัฐสภาเป็นเช่นนี้ ซึ่งผลที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นผลมาจากขั้วอำนาจเก่าแต่กลไกของรัฐธรรมนูญหกศูนย์ทำให้ SOUNDFORM มีสิทธิ์มาตัดสินเป็นความลูกเบี้ยวที่เกิดขึ้นและความหวังการแก้ไขปัญหาก็ยิ่งช้าลงไป ซึ่งมันจะกระทบกับประชาชนสุดท้ายแล้วการตกลงเดียวกันโดยการตกลงกันผลสุดท้ายประชาชนได้รับผลกระทบและมันหนักกว่าคนที่นั่งอยู่ในสภา


การโหวตครั้งที่สามบิดเบี้ยวมายเชื่อว่าคงเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์แน่นอนและจะมีการลงถนนกระจายเพิ่มมากขึ้นโดยที่แต่ละกลุ่มไม่ได้รู้จักกันมาก่อนแต่ลงถนนพร้อมกันซึ่งการที่จะเป็นไปในทิศทางไหนกล้าคะแนน 250 เสียงคลองสามวาเป็นตัวแปรสำคัญหลักในการเลือกโหวตนายกรัฐมนตรี


 ส่วนการที่ สว. เป็นปัจจัยหลัก จะทำให้มีการลงถนน หรือไม่ และจะอ้างว่ามีคนเลือกพรรคก้าวไกล 14,000,000 เสียงไม่ใช่ทั้งหมดของประเทศไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้เป็นเพียงข้ออ้างของทางฝั่งสว. พบประชาชนเขาเลือกมาแล้วเค้าต้องการได้คนนี้แต่กลับไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้นการโหวตครั้งที่สามนี้ถึงเวลาแล้วที่สว.จะได้คิดว่าจะต้องทำอย่างไร


และหากผลโหวตครั้งที่สาม มีขั้วอำนาจเก่าลงถนนแน่นอนประชาชนลงถนนโดยไม่ต้องนัดหมายกันเพราะทุกคนไม่ต้องการได้ขั้วอำนาจเก่ากลับมาบริหารประเทศอีก


วันนี้ที่ปราศรัยก็เพื่อมาปกป้องประชาชนปกป้องคะแนนเสียงที่พากันออกไปเลือกตั้งแต่กลับไม่ได้รัฐบาล “ดังนั้นส.ว.ควรกลับไปคิดว่าสมควรหรือไม่ ที่ตนเอง จะโหวตตามอำนาจตามมาตรา272 ใส่ความต้องการของตนเองเข้าไปทั้งที่ตนเองไม่ได้รับเลือกมา”


เหมือนสมัยตอนที่พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชาก็ได้รับการยกมือเลือกทั้ง 252 เสียง เมื่อคะแนนได้รับแบบนี้ก็ไม่ไปแทรกแซงคะแนนของสส.คนอื่น


แต่ครั้งนี้มันเป็นการเห็นต่างจาก สส.มันก็เลยทำให้เกิดเหตุการณ์โหวตนายกไม่ได้ตามที่ประชาชนต้องการจะให้เป็นนายกรัฐมนตรี


ส่วนกรณี ม.112 คิดว่าเป็นเรื่องที่ทาง สว. นำมาอ้างเท่านั้น ตีเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เพราะจริงๆแล้วทุกคนก็รู้อยู่แล้ว ว่าเป็นวาระค่อยไปอธิปพริกตายในสภาและมาตรา 112 ก็ไม่ใช่ข้อตกลงของแปดพรรคร่วมด้วย แต่พรรคก้าวไกลจะพลักดันเรื่องนี้ด้วยตนเอง


ถ้าไม่ได้นายกรัฐมนตรีจริงๆ ซึ่ง 8 พรรคร่วมก็ต้องหารรวมตัวแบบสมดุลย์ สมกับประชาชนเลือกมา แต่ถ้ามันเบี้ยวมากจนประชาชนทนไม่ไหวก็คือจะต้องลงถนนอีกครั้ง ขอยืนยันว่าการลงถนนไม่ใช่เงื่อนไขที่ฝ่ายภาครัฐหรือกองทัพมองว่าเป็นความวุ่นวาย แต่เป็นเพราะการกระทำ ของเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำแบบนี้จนทำให้ประชาชนทนไม่ไหว

----------------------------------

อานนท์ นำภา เชื่อโหวตนายกรอบ 3 จะเรียบร้อย ชี้ให้ก้าวไกลลดการแก้มาตรา 112 แค่ข้ออ้าง ยันไม่เคยได้รับหมายเรียกเรื่องเพิกถอนประกัน ยันเดินหน้าปราศรัยต่อ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด

วานนี้นอกจากน้องมายด์แล้วก็มีนายอานนท์ นำภา หนึ่งในนักเคลื่อนไหวทางการเมืองมาร่วมปราศรัยครั้งนี้ด้วย ทีมข่าวได้สอบถามนายอานนท์ก่อนขึ้นเวทีว่า จะพูดคือเรื่องอุปสรรคการจัดตั้งรัฐบาลเป็นหลักอุปสรรคหลักคือวุฒิสภา หรือ สว ถ้าจะให้ รัฐบาล เป็นรูปเป็นร่างหน้าตาเป็นแบบใด พรรคเพื่อไทยเป็นคนกำหนด ว่า เป็นรัฐบาลจะมีก้าวไกลหรือด้วยหรือไม่ และถ้ามีนั้นจะผ่านด่านสว.หรือไม่

และถ้าไม่มีพรรคก้าวไกล หน้าตาของรัฐบาลจะเป็นอย่างไรแต่ตอนนี้เชื่อว่ามีนัยยะสำคัญหลายอย่างคือทั้งโหวตนายกและแก้ไขมาตรา 272 และอภิปรายเรื่องสว.

ส่วนกรณีถอยเรื่องมาตรา 112 ตนมองว่ามาตรา 112 เป็นแค่ข้ออ้างของ สว. แต่ที่จริงๆแล้วเขากลัว นโยบายของพรรคก้าวไกลไปกระทบกับโครงการหลายอย่าง เช่น กฎอัยการศึก การเกณฑ์ทหาร / ระบบการศึกษาการกระจายอำนาจ / ที่ผ่านมามันถูกสร้างเป็นกำแพง ซึ่งนโยบายของพรรคก้าวไกลคือจะไปทลายกำแพงเหล่านั้น และถ้าการโหวตนายกรัฐมนตรีรอบที่ 3 ที่จะเกิดขึ้นนี้ เกิดความไม่แน่นอนเปลี่ยนเป็นอีกขั้วหนึ่งจะเกิดอะไรขึ้น

นายอานนท์ บอกว่า เชื่อว่าคนทั่วประเทศไม่ยอม ไม่ใช่แค่เพื่อไทยกับก้าวไกลต้องยอมรับว่าคะแนนที่ได้เลือกเข้ามาประชาชนเลือกเข้ามา 20% ซึ่งเครื่องมือเดียวที่เหลืออยู่คือการชุมนุมเรียกร้อง คนออกมาเยอะเนื้อหาปราศรัยและทิศทางถ้าชัดเจนผมเชื่อว่าพลังของประชาชนจะเปลี่ยนอะไรได้และการลงถนนลงแน่นอนและจะเข้มข้นกดดันเพิ่มมากขึ้นด้วย

เมื่อถามว่า ถ้าไม่ใช่พลเอกประวิตรแล้วมีพรรคอื่นเข้ามาร่วมหากเป็นเช่นพรรคของนายอนุทินเข้ามา

นายอานนท์ ระบุว่า ก็ต้องมาดูเงื่อนไขว่าเห็นด้วยตรงกับพรรคร่วมหรือไม่ วันนี้ผมคิดว่าหน้าที่และพันธมิตรสำคัญมาก กับพรรคเพื่อไทยว่าจะเจรจาและประนีประนอมมากน้อยแค่ไหน

จนถึงตอนนี้ ยังใช้คำว่า “ส้มหล่น” ไม่ได้ เพราะมันเกิดจากการ มีปัญหาเรื่องระบบซึ่งการเลือกพรรคก้าวไกลเกินครึ่งหนึ่งของสภาอยู่แล้วแต่ยังไม่ได้รับเลือกตั้งให้เป็นรัฐบาล

ส่วนกรณีที่มีรายงานว่าตำรวจไปขอเพิกถอนประกันตัวแล้วอาจจะต้องมีการออกหมายเรียกและควบคุมตัวไปดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย นายอานนท์ ยืนยันว่าไม่ได้รับหมายเรียกและไม่รู้ว่าไปเพิกถอนเรื่องอะไร ถ้าหมายเรียกมาก็พร้อมไปชี้แจง และเพื่อให้เกิดความยุติธรรม ซึ่งเงื่อนไขที่ศาลกำหนดมาต้นไม่ได้ทำผิดแม้แต่ข้อเดียว เนื้อหาที่พูดก็เกิดขึ้นจริงเรื่องของส.ว.การทำงานทุกอย่างไม่ได้มีผิดเงื่อนไขที่ศาลกำหนด


ขณะพรรคอาทิตย์ใหม่ ปราศรัยได้มีหญิงสูงวัยรายหนึ่ง เดินมาที่หน้าเวทีรถปราศรัย ชูป้ายเชิดชูสถาบัน และชี้ไปที่ผู้ปราศรัยว่า พูดไม่จริง พร้อมแสดงความไม่พอใจ เหตุที่มีการจัดชุมนุมในมหาวิทยาลัย

จากนั้น ทีมงานได้เข้ามาเชิญ หญิงสูงวัยนี้ ออกนอกพื้นที่ ระหว่างนี้ก็เกิดความชุลมุน

ทีมข่าวสอบถาม หญิงสูงวัยรายนี้ เล่าว่า ชื่อหมูซ่า อายุ 75 ปี ตนเป็นศิษย์เก่า ม.เกษตรศาสตร์ รุ่น 27 ได้เห็นรุ่นน้อง และอาจารย์ขึ้นมาพูดปราศรัย ไม่เห็นด้วย ส่วนตัวไม่อยากให้ทำ เพราะมีการพูดจาหมิ่นเหม่และตนก็ไม่เห็นด้วยกับนโยบายพรรคก้าวไกลอยู่แล้ว

“ยืนยันว่าไม่กลัว เพราะถ้ากลัวก็ไม่มา ที่นี่ และตนถือว่าไม่ได้ทำอะไรผิดถึงได้มา เพียงเพราะต้องการแสดงความคิดเห็น ในเมื่อระบอบประชาธิปไตย หากไม่เห็นด้วยก็สามารถที่จะคัดค้านได้”


ทั้งนี้ ระหว่างถูกเชิญออกมา กลับถูกใครไม่ทราบมาแอบเตะตีจากข้างหลัง ถามว่าทำคนแก่ได้อย่างไร แต่ครั้งนี้ตนจะไม่แจ้งความ และอยากให้สังคม รับฟังบ้าง คนไม่เห็นด้วย ก็ไม่รับฟังแล้วเรียกประชาธิปไตยได้อย่างไร จากนั้นตำรวจได้เข้ามา เชิญตัว และเดินออกไปส่งที่รถเดินทางกลับบ้าน



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/a_3OYtGNCFQ

คุณอาจสนใจ

Related News