กมธ.อุตสาหกรรมฯ เรียกหน่วยงาน ชี้แจง เตรียมย้ายกากแร่แคดเมียม

กรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหา กรณีเตรียมย้ายกากแร่แคดเมียม กลับคืนไปฝังกลบที่จ.ตาก

กรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง โดยเสนอแนะให้ขนย้ายโดยตู้คอนเทนเนอร์เท่านั้น และเมื่อถึงปลายทางให้ใช้วิธียกลงบ่อ ไม่ใช่การเทกอง เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจาย นอกจากนี้ ยังกำชับให้ตรวจสอบว่าบริษัทเบาว์ด แอนด์ บียอนด ทำผิดเงื่อนไข EIA ที่ต้องแจ้งความเอาผิดข้อหาใดบ้าง โดยประธานกรรมาธิการ การอุตสาหกรรมยอมรับว่า พบข้อมูลว่ากระทรวงการคลังถือหุ้น 10 เปอร์เซ็นต์ในบริษัทนี้ ซึ่งจะส่งหนังสือให้กระทรวงการคลัง

ประธานกรรมาธิการการอุตสาหรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยกับทีมข่าวว่า เตรียมจะเรียกกระทรวงการคลังชี้แจง กรณีพบว่าถือหุ้นบริษัท เบาวด์ แอนด์ บียอนด์ ต้นทางของกากแคดเมียม จ.ตาก จำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการถือหุ้นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การที่บริษัทดำเนินการผิดขั้นตอนที่น่าจะจะผิดกฎหมายด้วยนั้น จะต้องมีคำชี้แจงจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังด้วย

การเปิดเผยของนายอัครเดช มีขึ้นหลังเสร็จสิ้นการประชุมและเรียกชี้แจงต่อกรรมาธิการ กรณีแผนการย้ายกากแคดเมียม จากสมุทรสาคร /ชลบุรี และเขตบางซื่อกรุงเทพฯ กลับไปฝังกลบที่ จ. ตาก

ซึ่งปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รายงานว่าตัวเลขขนย้ายกากออกจากจังหวัดตาก ที่บันทึกในระบบมี 13832 ตัน ติดตามหาจนพบทั้งหมด 12,535 ตัน ขาดอยู่ราว 1297 ตัน แต่ทั้งปลัดกระทรวงและอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมระบุว่าหากคำนวณโดยหักลบความชื้น จากตัวอย่างที่พบต้นทาง จ.ตาก และปลายทาง ที่จ.สมุทรสาครแล้ว เชื่อว่าจะเท่ากับจำนวนที่ขาดไป แต่ก็ยังไม่ล้มเลิกการติดตามหาส่วนที่คาดว่ายังหาย

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมกรรมาธิการ เป็นห่วงมาตรการเคลื่อนย้าย ที่แม้จะใช้ถุงมาซ้อนทับกับถุงเดิมระหว่างลำเลียงจากต้นไปทาง จังหวัดตาก รวมถึงการลำเลียงลงฝังกลบที่ปลายทาง จึงขอให้คณะทำงานฯไปพิจารณา การใช้ลำเลียงใส่ตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด เพื่อปิดให้มิดชิด และเมื่อถึงปลายทางห้ามเทกอง เพื่อจะเกิดการฟุ้งกระจาย แต่ให้ใช้รถโฟลคลิฟต์ หรือยกออกวางในบ่อ ซึ่งกรรมาธิการขอให้กำชับบริษัทเบาด์ แอนด์บียอนให้ดำเนินการมาตรการนี้และต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น หรือหากต้องใช้งบกลาง ก็ต้องเร่งขอจากรัฐบาลและฟ้องเรียกคืนจากบริษัทเอกชน

ประเด็นที่จะฟ้องเรียกคืนหรือเอาผิดกับบริษัทต้นทางซึ่งกระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ 10 เปอร์เซ็นต์นี้ก็เป็นหนึ่งในวาระสำคัญของวันนี้ โดยเฉพาะผลการชี้แจงจาก ผอ.กองประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม สผ. ระบุว่าEIA 1 ฉบับ ยังมีผลบังคับใช้อยู่ ภาครัฐจึงต้องไปตรวจสอบฐานผิดที่เกี่ยวข้อง

ข่าว 3 มิติยังต้องข้อสังเกตุว่าการชี้แจงวันนี้ยืนยันว่าไม่พบเถ้าจากถ่านที่บ่งชี้ว่ามีการแอบหลอมแคดเมียม แต่เชื่อว่าจะส่งไปจีน แต่ถึงอย่างนั้น จีนไม่อนุญาตให้นำเข้า จึงเชื่อว่าอาจมีการเตรีมส่งออกโดยสำแดงเท็จ ซึ่งเป็นประเด็นใหม่เช่นกัน

สำหรับประเด็นว่ามีเจ้าหน้าทีรัฐเรียกรับผลประโยชน์นั้น ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ยืนยันว่าตั้งคณะทำงานตรวจสอบเรื่องนี้ และยังมี ปปท.มาตรวจสอบด้วย และดีเอสไออยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะรับเป้นคดีพิเศษ หรือไม่ หากมีมติรับเป็นคดีพิเศษ ก็จะรับสำนวนจาก บก.ปทส.ไปดำเนินการต่อ ซึ่งจะเห็นความเชื่อมโยงทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ และเอกชนด้วย