สังคม
สั่งตั้งคณะทำงาน รวมทุกคดีกากสารเคมี ขยายผลสอบเชื่อมโยงโรงงาน 4 จังหวัด
โดย panwilai_c
27 พ.ค. 2567
90 views
รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแหงชาติ สั่งตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามดำเนินคดีกรณีเพลิงไหม้โรงงานเก็บกาสารเคมี ทั้งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และระยอง และ
ข่าว 3 มิติ ได้รับข้อมูลที่ยืนยันได้ว่ากำลังขยายผลถึงโรงงานทั้งที่อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์และที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ล่าสุดพนักงานสอบสวนตำรวจ ปทส.ออกหมายเรียกครั้งที่หนึ่ง ให้นายโอภาส บุญจันทร์ กรรมการบริษัทวินโพรเสส จ.ระยอง เข้ารับทราบข้อกล่าวหาครอบครองวัตถุอันตราย ในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ กรณีพบหลักฐานว่าทำสัญญาเช่าโกดังที่อำเภอภาชี ไว้เก็บสารเคมีเมื่อปี 2565 กระทั่งเกิดเพลิงไหม้ 2 ครั้ง เมื่อเดือนมีนาคม และพฤษภาคมปีนี้
เอกสารหลักฐานหลายรายการ กรณีการครอบครองกากสารเคมี ที่เป็นวัตถุอันตราย ประเภทที่ 3 ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม ส่งให้ตำรวจปทส. รวมถึงผลการตรวจวัดสารเคมีต่างๆ จากกรมควบคุมมลพิษ ที่ส่งให้ตำรวจปทส.ไปก่อนหน้านี้แล้ว
ทำให้ตำรวจปทส.ออกหมายเรียก บ.เพาะสอน บริษัทเอกเอกอทัย ทั้งกรรมการและนิติบุคคล รวมถึงนายจตุวุฒิ ที่มีเชื่อเป็นจ่ายเงินเช่าโกดัง 3 หลังจากจำนวน 5 หลัง ที่อ.ภาชี ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาฐานครอบครองวัตถุอันตราย และจะมีความรับผิดชอบทางแพ่งกรณีให้นำไปกำจัดบำบัด ซึ่งบุคคและนิติบุคคลของบ.เพาะสอน และบ.เอกอุทัยไปรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว และให้การปฎิเสธ สวนนายจตุวุฒิ ไม่ไปรับทราบข้อกล่าวหาและตอนนี้ศาลจ.พระนครศรีอยุธย อนุมัติหมายจับแล้ว
นอกจากนี้ข่าว 3 มิติได้รับการยืนยันว่าอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แจ้งความเอาผิดนายโอภาส บุญจันทร์ ที่เป็นกรรมการ บริษัทวินโพรเสส จ.ระยอง ในความผิดครอบครองวัตถุอันตราย ในโกดัง อ.ภาชี จ.ระยองด้วย เพราะมีทั้งพยานบุคคลที่เป็นเจ้าของโกดัง หลักฐานการสื่อสารทางไลน์ และการจ่ายเงินจากนายโอภาส เมื่อเดือนกันยายและตุลาคม ปี 2565 อ้างว่าเช่าโกดังไว้จอดรถ แต่กลับพบเป็นสารเคมีดังกล่าว
หมายเรียกให้นายโอภาสรับทราบข้อกล่าวหานั้น ระบุว่าให้มารับทราบข้อกล่าวห 31 พฤษภาคมนี้ ที่กองบังคับการปทส.
อย่างไรก็ตาม ไม่แน่ชัดว่านาย โอภาสจะเข้ามารับทราบข้อกล่าวหานี้หรือไม เพราะเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา ศาลจังหวัดระยอง นัดสืบพยานโจทก์ คดีทำที่ สพ.7/2565 ระหว่างกรมควบคุมมลพิษ ฟ้องบ.วินโพรเสส กับพวกรวม 3 คน เรียกค่าเสียหายทางแพ่ง ตาม พรบ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม กรณีการปนเปื้อนของสารเคมีที่บ้านหนองพะวา เรียกค่าเสียหาย กว่า 1,743 ล้านบาท แต่จำเลยทั้ง 3 รวมถึงนายโอภาส ก็ไม่ไปศาล และศาลนัดรับฟังคำพิพากษาในวันจันทร์ที่ 2 กันยานยน ที่จะถึงนี้ ที่ศาลจังหวัดระยอง
ความเชื่อมโยงทางธุรกิจระหว่างวินโพรเสส จ.ระยอง กับ บ.เอกอุทัย ทั้งสาขาสามบัณฑิต อ.อุทัย / สาขากลางดง อ.ปากช่อง / และสาขาศรีเทพ. จ.เพชรบุรณ์ ส่วนหนึ่งปราฏในเอกสารการทำธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจรับกำจัดกากขยะอุตสาหกรรม และส่วนหนึ่งปรากฎผ่านการเคลื่อนไหวของนายโอภาสเอง
พยานที่เห็นชัดคือเจ้าของโกดังที่ภาชี อ้างถึงหลักฐานชัดเจนว่านายโอภาสเป็นคนมาขอซื้อโกดังนามบ.เอกอุทัย สาขาสามบัณฑิต โดยมีเอกสารการยื่นขอสินเชื่อ ของ บ.เอกอุทัย เป็นหลักฐาน เมื่อสินเชื่อการซื้อไม่ผ่าน ก็ใช้วิธีขอเช่า โดยมีสลิปโอนเงินจาก นายโอภาสเป็นหลักฐาน
นอกจากนี้วัตถุพยานที่พบ เช่นเอกสารที่พบในรถบรรทุกกากสารเคมีจอดไว้ในโกดังอ.ภาชี พบว่ามาจากทั้งเอกอุทัยสาขา สามบัณฑิต เอกอุทัยกลางดง และมาจากบ. วินโพรเสส
ความเชื่อมโยงดังกล่าวทำให้รักษาการผุ้บัญชาการตำรวแห่งชาติ ตั้งคณะทำงานจากส่วนกลางขึ้นมาติดตามความคืบหน้าในแต่ละพื้นที่ ทั้งที่วินโพรเสส จ.ระยอง และอ.ภาชี จ.อยุธยา โดยการประชุมล่าสุดวันนี้ ให้รวบรวมข้อมูลกรณี ต.กลางดง อ.ปากช่อง และอ.ศรีเทพฯ จ.เพชรบูรณ์ มารวมด้วย
ลักษณะไม่ใช่การรวมเป็นคดีเดียวกันที่คณะทำงานส่วนกลาง แต่ให้ส่วนกลางกำกับติดตามและสนับสนุนการให้คดีของแต่ละพื้นที่มีความคืบหน้า
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาจะไม่ได้มุ่งไปที่คดีวางเพลิงอย่างเดียว แต่จะต้องเอาผิดในฐานความผิดอื่นๆที่เกี่ยวข้องดว้ย
สำหรับกรณีเพลิงไหม้โกดังเก็บกากสารเคมีนั้น กรณีที่บ.วินโพรเสส ตำรวจพิสูจน์หลักฐานระบุว่าเข้าไปเก็บหลักฐานได้ครบถ้วน ส่วนโกดังที่ภาชี ที่เพลิงไหม้เมื่อ 1พฤษภาคม ยังเข้าไปได้ไม่ครบทุกจุก เนื่องจากยังมีอันตรายจากสารเคมี
อย่างไรก็ตาม จากเหตุเพลิงไหม้ที่วินโพรเสส 1 ครั้งและที่โกดัง อ.ภาชี 2 ครั้งนั้น พบว่าเพลิงไหม้ครั้งแรกที่โกดังที่อ.ภาชี เมื่อ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา มีหลักฐานเหลืออยู่ชัดเจนว่าเป้นการวางเพลิง แต่ถึงอย่างนั้นยังไม่พบหลักฐานอื่นที่เชื่อมโยงต่อไปว่านั่นเป็นฝีมือของใคร