สังคม

สาวคู่กรณี ภรรยาอดีตบิ๊ก ตร. อ้างสัมพันธ์ รัก 4 เส้า ปมเหตุสู่คดีลักทรัพย์ - แจงปมสวมเครื่องแบบ ตร.-จบดอกเตอร์

โดย weerawit_c

26 ต.ค. 2567

302 views

จากเรื่องภรรยาบิ๊กตำรวจลักทรัพย์ กลายเป็นรัก 4 เส้า 'คุณหนิง' เผยพร้อมสู้หากถูกฟ้องกลับ ยันมีคลิปหลักฐานเด็ดเพียบ พร้อมแจงปมสวมเครื่องแบบ ตร.-จบดอกเตอร์?


ในรายการโหนกระแส เมื่อวานนี้ (25 ต.ค.67)  คุณหนิง ภรรยาตำรวจที่เข้าแจ้งความกับภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจ  ว่าลักทรัพย์เอาทองและเงินสดของตนและสามี มูลค่าเกือบ 7 ล้านบาทไปจากคอนโด (ศาลออกหมายจับ ข้อหา ลักทรัพย์ และ บุกรุกเคหสถาน ) โดยคุณหนิงกล่าวหาว่า ปมเหตุมาจาก ภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจ เป็นชู้กับสามีของตน  ซึ่งตนได้คบหาอยู่กินกับสามีมานาน 3 ปี และเพิ่งจดทะเบียนสมรสกัน


คุณหนิงอ้างว่า ที่ผ่านมารับรู้มาตลอดว่าสามีติดต่อกับภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจมาต่อเนื่อง เพราะเคยเป็นแฟนเก่ากัน  โดยคงสถานะเพื่อนไว้ ช่วงที่อดีตบิ๊กตำรวจมีปัญหา ภรรยาของอดีตบิ๊กตำรวจก็มาปรึกษาสามีของตน ต่อมาตนเริ่มสงสัยว่าทั้งสองสนิทสนม นัดพบกันบ่อยเกินเพื่อน จึงแอบดูโทรศัพท์สามี พบว่ามีข้อความจากฝ่ายหญิงมาถึงสามี   ขอนัดพบและบอกว่า “คิดถึง” “ช่วงนี้ไม่สนใจเลยนะ ” ตนจึงตัดสินใจตั้งกล้องวงจรปิดไว้ที่บ้านคลอง 7 (ปทุมธานี )


คุณหนิง กล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจแชทนัดสามี  คุณหนิงระบุว่าทั้งสองไปที่บ้านคลอง 7 และมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน จนตนทะเลาะกับสามีถึงขั้นถีบตกรถ เพราะสามีไม่ยอมรับ ตนจึงนำหลักฐานจากกล้องวงจรปิดให้สามีดู  จึงยอมรับ และทะเลาะกันรุนแรง 3 วัน


ต่อมา 6 มิถุนายน ภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจ ได้นัดหมายสามีของตนไปที่คอนโด สุขุมวิท 101 บอกจะไปเอาของ  สามีมาเล่าให้ฟังด้วยว่า ภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจขอให้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วย  เพื่อเป็นความทรงจำที่ดี   แต่วันนั้นสามียืนยันว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์ โดยทั้งสองไปพบกันเพียงชั่วโมงกว่าๆ  


คุณหนิงกล่าวด้วยว่า ที่ตนไม่เลิกกับสามี และยังมีแผนจัดงานแต่งงานกันวันที่ 6 กุมภาพันธ์ปีหน้า ทั้งที่สามีคบชู้กับหญิงอื่น เพราะสามี คือ คนที่ช่วยตนออกมาจากคุก (เมื่อปี 2564 ) ในวันที่ตกต่ำที่สุด สามี คือ คนที่ช่วยเหลือ จึงสัญญากับเขาว่าจะไม่ทิ้งกัน


หลังจากเหตุการณ์วันที่ 6 มิถุนายน สามีกับคู่กรณี ยังคงแชทคุยกันต่อเนื่อง ซึ่งตนรับรู้มาตลอด ที่ผ่านมาตนได้นำคลิปวงจรปิดที่ทั้งสองมีความสัมพันธ์กัน ให้หัวหน้างานของสามีดู เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าตนไม่ได้โกหก และ ไม่ได้กล่าวหาใคร


ส่วนสาเหตุที่ตนยังอนุญาตให้สามีติดต่อกับคู่กรณีอยู่นั้น เพราะเห็นใจ และเห็นว่าช่วงนั้นสามีของคู่กรณีกำลังมีปัญหาอยู่ ซึ่งตนได้พยายามติดต่อกับอดีตบิ๊กตำรวจ สามีของคู่กรณี ทั้งเอาจดหมายไปส่งที่หน้าหมู่บ้าน และทาง SMS โดยเนื้อหาที่ส่งไป  เป็นการเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น  พร้อมกับทวงทรัพย์สินและทองคำคืน


กระทั่งเหตุการณ์วันที่ 18 สิงหาคม ที่หลานชายของตนไปพบว่า ภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจ ใช้คีย์การ์ด ของสามีตน เปิดเข้าไปเอาทรัพย์สินของตน โดยเอาทองหนัก 120 บาท และ เงินสด 6 แสนบาทจากลิ้นชัก รวมทั้งถุงสีรุ้ง 5 ถุง ที่ภรรยาบิ๊กตำรวจเคยฝากไว้ ไปด้วย โดยนิติบุคคลคอนโดแจ้งว่าวงจรปิดคอนโดวันที่ 18 สิงหาคม ไม่สามารถดูได้เนื่องจากเซิร์ฟเวอร์เสีย  แต่ต่อมาตำรวจได้ยึดและนำไปตรวจสอบแล้ว


ทั้งนี้ในรายการฯ คุณหนิงยอมรับด้วยว่า  ที่ผ่านมาตนมีคดีถูกฟ้องร้อง 5 คดี และเคยถูกจำคุกจากคดีฉ้อโกง ซึ่งคดีต่างๆมีต้นเหตุมาจากที่ได้กู้ยืมเงินมาทำธุรกิจโดนัทกับหุ้นส่วน แต่ธุรกิจมีปัญหา จึงนำมาซึ่งคดีหลายคดีต่อเนื่อง


ส่วนประเด็นทองคำ 120 บาท และเงินสดที่หายไปนั้น ยืนยันว่ามีจริง โดยตนเก็บรวมกันไว้ในกระเป๋าสีดำ อยู่ในลิ้นชักภายในห้องนอน พร้อมกับปืนอีก 3 กระบอก  ซึ่งปืนไม่หาย แต่ทองคำกับเงินสดที่หายไป  แต่กลับมีกระเป๋าแบรนด์เนมของคู่กรณี ที่ภายในมีเอกสารขายทองและกรมธรรม์ที่ปรากฎชื่อของคู่กรณี อยู่ภายในกระเป๋า  วางทิ้งไว้ในห้อง  ซึ่งเรื่องที่คู่กรณีขโมยสินสอดของตนไปนั้น ส่วนตัวไม่ได้มองว่าคู่กรณีไม่มีเงิน แต่มองว่าเป็นความพยายามจะล้มงานแต่งงานของตน ส่วนการเช่าคอนโดที่คู่กรณีอ้างว่าสามีของตนเองไปขอความช่วยเหลือ ให้คู่กรณีมาเช่าคอนโดเดือนละ 10,000 บาท ส่วนตัวเพิ่งรู้เรื่องนี้เมื่อไม่นาน ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง หากเป็นความจริงอยากให้คู่กรณีเปิดเผยสัญญาการเช่าห้อง หลักฐานการโอนเงิน หรือหากจ่ายเป็นเงินสดก็ต้องมีหลักฐาน พร้อมยืนยันว่าส่วนตัวไม่ได้มีความเดือดร้อน จนถึงขั้นที่ต้องไปยืมเงินคู่กรณี เพราะตัวเองก็มีทรัพย์สินมากพอ


ส่วนกระเป๋าสีรุ้งที่คู่กรณีอ้างว่ามีกระเป๋าแบรนด์เนมอยู่นั้น คุณหนิง ยืนยันว่าเจอกระเป๋าสีรุ้งวางอยู่ในห้องจริง แต่ตอนแรกไม่ได้เปิดดูข้างใน จนเมื่อทราบถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองแล้ว  จึงตัดสินใจเปิดดูและเห็นว่าเป็นของอย่างอื่นตามที่ได้เป็นข่าวไปแล้ว และไม่เจอกระเป๋าแบรนด์เนม  ซึ่งส่วนนี้ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว


ส่วนที่อ้างว่า ข้างในกระเป๋าสีรุ้งใส่กระเป๋าสานไว้ ยืนยันว่าไม่ใช่   และตนมองว่า ใครจะเช่าคอนโดราคาเป็น 10,000 บาท เพื่อเก็บกระเป๋าสาน  ยืนยันว่าในกระเป๋าสีรุ้งนั้น ไม่ใช่กระเป๋าสานแน่นอน เพราะคู่กรณีมาบอกสามีตนว่า เป็นกระเป๋าแบรนด์เนมที่เอามาฝากไว้ เพราะกลัวถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ  


สำหรับภาพการสวมชุดข้าราชการตำรวจ  ชี้แจงว่าเป็นงานแฟร์เวลไนท์ ของมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ให้แต่งกายตีมอาชีพในฝัน ตนจึงสวมชุดตำรวจ ผู้สื่อข่าวเลยถามว่า ถ้าไม่ได้อยากเป็นตำรวจ ทำไมถึงเลือกที่จะสวมชุดตำรวจไปงานเลี้ยงพร้อมเครื่องแบบเต็มยศ  คุณหนิงระบุว่า ตนเองไม่เคยฝันอยากเป็นตำรวจเลย เพราะมีสามีเป็นตำรวจอยู่แล้ว จะอยากเป็นตำรวจอีกทำไม แต่ตอนนั้นตนเองไม่ได้เตรียมชุดอะไร และมีน้องที่เป็นตำรวจจริงๆ  ให้หยิบยืมชุดใส่ ซึ่งในภาพจะเห็นป้ายชื่อปักที่หน้าอก เป็นชื่อจริงนามสกุลจริงของตน เพราะข้างมหาวิทยาลัยมีร้านทำป้ายชื่อ เลยทำให้สมจริง


ส่วนเรื่องที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ มีการระบุว่า ตนมีตำแหน่งดอกเตอร์นำหน้า คุณหนิง ชี้แจงว่าตนเองไปทำบุญบริจาคโดนัท และบอกแค่ว่า กำลังเรียนในระดับปริญญาเอก ยังเรียนไม่จบการศึกษา แต่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ น่าจะนำเขียนให้เอง


ในช่วงต่อออนไลน์ของรายการ ตำรวจที่เป็นสามีของหนิง ได้โฟนอินเข้ามาชี้แจงว่า “เงิน 6 แสน ทอง 120 บาท ของคุณหนิง ผมซื้อทองแต่แรก ค่อยๆ เก็บมา ผมเก็บในตู้เสื้อผ้า เก็บไว้ซอกๆ  วิธีเก็บผมไม่เหมือนคนอื่น มีเงินบางอย่าง ที่หนิงทำได้ จากร้านโดนัท ตัวผมก็สะสมเรื่อยๆ จากทอง ค่อยๆ เก็บสะสม บอกเงินนี้ไม่ต้องใช้ ขอแต่งงานก่อนให้เรียบร้อยแล้วไม่ใช่ปัญหา เวลามันใกล้ผมเตรียมตัวไม่ทัน”


“ยังติดต่อผู้หญิงคนนี้ ผมจะบอกภรรยาผมทุกครั้ง ผมอยู่กับผู้หญิงคนนี้มานานเกือบสิบปี ช่วงที่เขามีนายตำรวจใหญ่เข้ามา  ผมถามและทะเลาะหลายรอบ ผมก็ไม่อยากมีชีวิตอย่างงี้ ก็จบกัน เลิกต่อกัน หายกันไป แล้วเป็นเพื่อน ผมไม่เคยจะมีใคร ก็เพราะยังฝังใจอยู่ วันหนึ่งมาเจอน้องหนิง ผมรู้สึกมีพลังจะเดินต่อไปได้ เทสหลายปี เขาจริงใจมาก” ตำรวจ สามีของหนิง กล่าว...




รับชมทางยูทูบที่ :   https://youtu.be/1vWl79iaqY4

คุณอาจสนใจ

Related News