สังคม
8 หมื่นผู้ต้องขัง ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เผย 'บิ๊กเนม-อดีต ผกก.โจ้' ไม่เข้าเกณฑ์
โดย weerawit_c
13 ส.ค. 2565
1K views
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 70 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 70 พรรษา 28 กรกฎาคม 2565 ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พ.ศ.2565
เนื้อหาในพระราชกฤษฎีกา ระบุว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่ทรงพระราชดำริเห็นว่า ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 70 พรรษา 28 กรกฎาคม 2565 ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อเป็นการแสดงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมควรพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป
นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 70 พรรษา 28 ก.ค. 65 ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 ส.ค. 65 ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พ.ศ.2565 นับเป็นอภิลักขิตกาลสำคัญ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ตราพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติสืบไป
นายอายุตม์ กล่าวต่อว่า โดยในครั้งนี้ ผู้ต้องขังราชทัณฑ์ที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษ ต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นดี หรือชั้นดีมาก หรือชั้นเยี่ยมเท่านั้น และต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกำหนดโทษตามคำพิพากษา หรือไม่น้อยกว่า 8 ปี แล้วแต่ระยะเวลาใดจะเป็นคุณมากกว่า ซึ่งตามพระราชกฤษฎีกาฯ จะมีทั้งกลุ่มผู้ต้องราชทัณฑ์ส่วนหนึ่งที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป และกลุ่มที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษจำคุกตามสัดส่วนที่กำหนด โดยแตกต่างกันตามประเภทความร้ายแรงของคดี และตามชั้นของนักโทษเด็ดขาด
สำหรับจำนวนผู้ต้องขังที่ได้เข้าหลักเกณฑ์ปล่อยตัว และลดโทษแล้วปล่อยตัวออกจากเรือนจำมีจำนวน 22,822 คน และได้รับการลดโทษแต่ยังคงต้องจำคุกต่อในเรือนจำมีจำนวน 80,791 ราย รวมมีผู้ต้องขังที่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกา 2565 ฉบับนี้จำนวน 103,613 ราย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในรอบนี้มีกลุ่มรายชื่อนักการเมืองอย่าง นายเทพไท เสนพงศ์, นายบุญทรง เตริยาภิรมย์, พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีต ผกก.โจ้ เข้าหลักเกณฑ์ลดโทษหรือไม่ นายอายุตม์ กล่าวว่า ในกลุ่มผู้ต้องขังที่เป็นรายชื่อบิ๊กเนมหรือนักการเมือง หรืออดีตผู้กำกับในคดีดังนั้น จะไม่ได้รับสิทธิการลดโทษ เนื่องจากยังคงจำคุกไม่ถึง 1 ใน 3 ของโทษ ซึ่งพระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ ฉบับนี้ได้ระบุหลักเกณฑ์ชัดเจน หรือต้องจำคุกมา 1 ใน 3 ของโทษ หรือ 8 ปี ต่อให้มีอายุ 70 ปี ก็ต้องเข้าหลักเกณฑ์ 1 ใน 3
นายอายุตม์ ยังกล่าวว่า ส่วนกลุ่มนักโทษเด็ดขาดที่ไม่อยู่ในข่ายได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกานี้ คือ 1.นักโทษเด็ดขาด ลงโทษประหารชีวิตที่เคยได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว และได้รับโทษจำคุกมาแล้วยังไม่เกินสิบห้าปี และมิใช่นักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม 2.ผู้ต้องโทษคดียาเสพติดตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเกินแปดปี หรือจำคุกตลอดชีวิต ภายหลังพระราชกฤษฎีกา 2565 บังคับใช้ 3.ผู้ต้องขังที่กระทำความผิดซ้ำและมิใช่นักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม และ 4.นักโทษเด็ดขาดชั้นกลาง ชั้นต้องปรับปรุง หรือชั้นต้องปรับปรุงมาก
แท็กที่เกี่ยวข้อง ราชกิจจานุเบกษา ,พระราชทานอภัยโทษ ,อดีตผกกโจ้ ,บิ๊กเนม