สังคม

'ฝ่ายปกครอง' ไม่กังวล 'ด.ต.ท่องเที่ยว' แจ้งความกลับ - ศาลออกหมายจับ 'นายแป๊ะ' หัวหน้าแก๊งเก็บส่วย

โดย passamon_a

10 ก.ค. 2565

474 views

ด.ต.ท่องเที่ยว แจ้งความกลับ เจ้าหน้าที่ปกครองชุดจับกุม กระทำเกินกว่าเหตุ และมาตรา 309 ด้านฝ่ายปกครองไม่กังวล ชี้แค่ฟ้องแก้เกี้ยว ขณะที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ออกหมายจับ นายแป๊ะ หัวหน้าแก๊งเก็บส่วย สถานบันเทิง บางใหญ่  


ความคืบหน้ากรณีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง นำกำลังเข้าจับกุม ด.ต.ภูวเมศฐ์ หิรัญวงศ์วราดล ผบ.หมู่ ส.ทท.1 กก.1 บก .ทท.3 พร้อมด้วย นายมานัส สุขสอง อายุ 46 ปี ที่ลานจอดรถหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี หลังไปแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ปกครอง เรียกรับส่วยจากร้านอาหารและสถานบันเทิงในพื้นที่อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี จำนวน 10 ร้าน รวมเป็นเงิน 1 แสนบาท โดยเจ้าของร้านและเจ้าหน้าที่กรมปกครองร่วมวางแผนจับกุมทั้งสองคนได้


หลังการจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ดำเนินคดีกับ ด.ต.ภูวเมศฐ์ ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น และร่วมกันกรรโชกทรัพย์


ส่วนนายมานัส แจ้งข้อหาแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานมีอำนาจกระทำการนั้น ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด ทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น และร่วมกันกรรโชกทรัพย์


พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำทั้งสองคน เพื่อสาวไปถึงผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด พบว่ายังมี นายสุลรรณ์ มงคลพาณิชกุลณ์ หรือแป๊ะ อายุ 44 ปี เป็นคนประสานพูดคุยกับเจ้าของร้านเพื่อรีดส่วย จำนวน 100,000 บาท


จากนั้นเวลา 23.00 น. วันที่ 8 ก.ค.65 หลังพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำเสร็จสิ้น ญาติของ ด.ต.ภูวเมศฐ์ และนายมานัส ได้ยื่นเรื่องขอประกันตัว โดย พ.ต.อ.วันชัย ชูจิตร ผกก.สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ได้ตั้งเงื่อนไขในการประกันตัวเป็นเงินสดคนละ 500,000 บาท หากเป็นหลักทรัพย์คนละ 1,000,000 บาท โดยญาติผู้ต้องหาได้ใช้โฉนดที่ดิน มูลค่า 2 ล้านกว่าบาท ประกันตัวออกไป


เมื่อวานนี้ (9 ก.ค.) พันตำรวจเอกวันชัย ชูจิตร ผู้กำกับ สภ.บางใหญ่ เปิดเผยว่า ด.ต.ภูวเมศฐ์ ได้เข้าพบ ร.ต.ท.ภคภณ ณ นคร รอง สว.สอบสวน สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อลงบันทึกประจำวัน จากเหตุการณ์ขณะจับกุม เอาผิด โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ค. เวลาประมาณ 19.30 น. ขณะที่ตนกำลังขับรถยนต์โตโยต้า อัลติส สีขาว ออกจากห้างดีแคทลอน ได้ถูกนายรณรงค์ ทิพย์ศิริ เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง พร้อมชุดจับกุม โดยทุกคนมีอาวุธปืนครบมือ


"ได้ข่มขืนใจให้ตนเกิดความตกใจกลัว และบังคับให้ออกจากรถ โดยที่ไม่แจ้งให้ทราบว่าตนกระทำผิดอะไร ข้อหาใด จนเป็นเหตุทำให้ได้รับบาดเจ็บและได้รับความเสียหาย"


จึงขอลงบันทึกประจำวันไว้ หลังจากนี้จะพิจารณาแจ้งความดำเนินคดีกับ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ พนักงานฝ่ายปกครองและชุดจับกุม ตามกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง ที่ระบุว่า กระทำโดยมีอาวุธ หรือร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป หรือได้กระทำเพื่อให้ผู้ถูกข่มขืนใจทำ ถอน ทำให้เสียหาย หรือทำลายเอกสารสิทธิอย่างใด ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


- ข้อหาจับกุมไม่ชอบ

- ข้อหาปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ หรือปรากฏว่าผิดกฎหมายใดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด


หลังลงบันทึกประจำวันแล้ว ด.ต.ภูวเมศฐ์ เดินทางกลับไปพร้อมญาติทันที


ขณะที่ พนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ หลังจากสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสองคนเพื่อขยายผลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการแล้ว พนักงานสอบสวนได้เดินทางไปศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 จ.สระบุรี เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวข้องกับคดี ซึ่งทางศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่าสามารถไปขอหมายจับจากศาลจังหวัดนนทบุรี ได้ พนักงานสอบสวนจะนำเอกสารพยานหลักฐานต่างๆ เดินทางกลับมาขอหมายจับยังศาลจังหวัดนนทบุรี


เวลาต่อมา นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง กรมการปกครอง กล่าวถึงกรณีที่ ด.ต.ภูวเมศฐ์ ตำรวจท่องเที่ยว ที่ถูกจับกุม หลังแอบอ้างเป็นชุดเฉพาะกิจกรมการปกครอง ตระเวนเก็บส่วยสถานบันเทิงในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ได้ลงบันทึกประจำวัน ที่ สภ.บางใหญ่ และเตรียมแจ้งความกลับ ว่า


ไม่ได้กังวล และเป็นเรื่องปกติทุกครั้งที่ปฏิบัติการจับกุมเช่นนี้ "เวลาที่ผู้ต้องหาจะต่อสู้ ก็พยายามใช้เทคนิคข้อกฎหมายมาฟ้องกลับแบบนี้" ซึ่งตนเจอมาทุกรูปแบบแล้ว นี่แค่เรื่องเล็กน้อย พร้อมขอให้มั่นใจว่า "ไม่ต้องห่วง ทำแบบนี้อาจเจอหนักกว่าเดิม" โดยทางผู้บังคับบัญชาทุกระดับของกระทรวงมหาดไทย ได้ให้กำลังใจหลังทราบเรื่องแล้ว


ทั้งนี้ นายรณรงค์ ยืนยันว่าปฏิบัติการครั้งนี้ ไม่ใช่อยู่ ๆ จะทำเลย แต่ได้สืบสวนสอบสวนจนได้ข้อมูลชัดเจน และมีคลิปเสียงที่อัดไว้เป็นหลักฐาน โดยฝ่ายปกครอง ไม่ได้จับฝ่ายเดียว แต่วางแผนร่วมกับ ตำรวจภูธรบางใหญ่ จ.นนทบุรี มาตั้งแต่ต้น ก่อนจะบุกเข้าจับกุม


นายรณรงค์ ระบุเรื่องนี้ เรามีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน อีกทั้งเจ้าของร้านที่เป็นผู้เสียหาย ก็ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ ที่ สภ.บางใหญ่ ด้วย ซึ่งในวันที่ล่อซื้อ ก็มีลงบันทึกเลขธนบัตร 1 แสนบาทที่ยึดได้ มาเทียบกับตัวสำเนาที่ถ่ายเอกสารไว้แล้ว ดังนั้นมีพยานหลักฐานแน่หนามาก จนทาง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว มีคำสั่งให้ดาบตำรวจนายดังกล่าว ออกจากราชการโดยไม่ต้องสอบสวนก่อน ซึ่งต้นสังกัดคงเห็นแล้วว่ามีพยานหลักฐานแน่นหนาอย่างไร ตนมั่นใจว่า "คดีนี้ไม่รอดแน่นอน แต่จะมาฟ้องแก้เกี้ยวก็เป็นสิทธิของเขาที่ทำได้เรื่องธรรมดา"


นอกจากนี้ วันที่ 9 ก.ค. พนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ นำหลักฐานยื่นต่อศาล ขออนุมัติหมายจับกุม นายสุลรรณ์ มงคลพาณิชกุลณ์ หรือแป๊ะ ข้อหากรรโชกทรัพย์ผู้ประกอบการ และอยู่ระหว่างติดตามจับกุม นายแป๊ะ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/IEqiwUfshfE

คุณอาจสนใจ

Related News