สังคม

สธ.ห่วงโควิดไทยช่วงสงกรานต์ อาจติดเชื้อเกิน 5 หมื่น ย้ำผู้สูงอายุเร่งฉีดวัคซีน

โดย nicharee_m

5 มี.ค. 2565

87 views

วันที่ 5 มีนาคม 2565 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย มีรายละเอียดดังนี้

ติดเชื้อในประเทศ 22,818 ราย ติดเชื้อในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 115 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 137 ราย รักษาหายเพิ่มขึ้น 18,462 ราย

หายป่วยสะสม 2,749,491 ราย (ตั้งแต่ปี 2563) อยู่ระหว่างรักษาตัว 232,147 ราย แบ่งเป็น ในโรงพยาบาล 80,016 ราย โรงพยาบาลสนามและอื่นๆ 152,131 ราย ในจำนวนนี้มีอาการหนัก 1,124 ราย ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 355 ราย

ขณะที่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ประเมินสถานการณ์โควิดน่าห่วง เส้นกราฟผู้ป่วยปอดอักเสบ ใส่ท่อช่วยหายใจ เพิ่มขึ้น พร้อมคาดการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ ช่วงสงกรานต์ อาจพุ่งเกิน 5 หมื่นราย แนะลูกหลาน พาผู้สูงอายุเร่งฉีดวัคซีน ลดโอกาสเสียชีวิต

เมื่อวานนี้ (4 มี.ค.65) นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากประเมินสถานการณ์การระบาดโควิดก่อนสงกรานต์ ให้ดูจากฉากทัศน์ที่มีการนำเสนอที่ผ่านมา สถานการณ์ ขณะนี้น่าเป็นห่วง อย่างเส้นกราฟผู้ป่วยปอดอักเสบและใส่ท่อช่วยหายใจ กำลังขยับเพิ่มขึ้น จากฉากทัศน์ทั้ง 3 ฉากทัศน์ มีโอกาสขึ้นเป็นฉากทัศน์สูงสุดได้

จึงต้องเข้มมาตรการทั้งหมด รวมทั้งการฉีดวัคซีนจะช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ และจะทำให้อัตราการเพิ่มของผู้ป่วยปอดอักเสบและใส่ท่อช่วยหายใจไม่มากเกินศักยภาพของระบบรักษาพยาบาล ซึ่งคาดว่า จุดสูงสุดการระบาดที่ทำให้ผู้ป่วยอาการรุนแรงน่าจะอยู่ในช่วงต้นเดือน พ.ค.

เมื่อถามต่อว่า ช่วงก่อนสงกรานต์จะมีแนวโน้มผู้ติดเชื้อเป็นอย่างไร นพ.โสภณ กล่าวว่า จากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ขณะนี้ ซึ่งเป็นเส้นสีน้ำเงิน เทียบกับฉากทัศน์ทั้ง 3 เราอยู่ในระดับความเสี่ยงที่จะมีผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง ซึ่งฉากทัศน์เส้นล่างสุดที่เป็นเส้นสีเขียวจะไม่เป็นจริงแล้ว ถ้าดูจากอัตราการติดเชื้อเพิ่มของไทย มีโอกาสเป็นเส้นสีเหลือง และสีแดง

โดยหากสีเหลืองจะมีผู้ติดเชื้อสูงสุดประมาณ 5 หมื่นกว่ารายต่อวันในช่วงประมาณวันที่ 19 เม.ย. แต่หากเราไม่สามารถคงมาตรการเข้มงวด ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย การป้องกันตัวเองแบบเข้มงวด และหากไม่ลดพฤติกรรมเสี่ยง ก็อาจมีโอกาสพบติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 5 หมื่นรายต่อวัน หรือเพิ่มอีก 2 เท่า

นายแพทย์โสภณ ผู้สูงอายุฉีดวัคซีนก่อนสงกรานต์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์โควิด-19 วันที่ 3 มีนาคม 2565 เป็นสายพันธุ์โอมิครอนทั้งหมด ขณะที่ประเทศเกาหลีใต้ เวียดนาม มีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เกินวันละแสนราย ขณะที่ประเทศไทยก็เพิ่มขึ้น ค่าเฉลี่ย 14 วัน 22,000 ราย วันนี้ (4 มีนาคม 2565) ผู้ติดเชื้อตรวจผ่าน PCR จำนวน 28,834 ราย

ขณะที่ตัวเลขที่เพิ่มขึ้น สายพันธุ์โอมิครอนมีความรุนแรงน้อยกว่า ถ้าเทียบกับสายพันธุ์เดลต้า และจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ในระหว่าง 2 สัปดาห์ เพิ่มขึ้น 1.5 เท่า และใส่ท่อช่วยหายใจเพิ่มขึ้น 2 เท่า แม้ว่าอัตราการป่วยหนัก เสียชีวิต น้อยกว่าปี 2564 แต่ยังมีกลุ่มเสี่ยงผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับวัคซีน

จากข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-24 กุมภาพันธ์ ตามกลุ่มอายุ พบว่า กลุ่มวัยทำงานและเด็ก มีการติดเชื้อมากสุด คือ อายุ 20-29 ปี ถัดมา อายุ 10-19 และ 0-9 ปี มีอัตราการติดเชื้อมากสุด รองลงมาเป็นกลุ่ม อายุ 30-39 ปี ซึ่งอาจไม่ส่งผลกระทบต่อการป่วยหนักและเสียชีวิต

ขณะที่ผู้สูงอายุ 50-59 ปี มีโอกาสติดเชื้อน้อยกว่าวัยหนุ่มสาว แต่อัตราป่วยแล้วเสียชีวิตสูงกว่า แสดงเห็นว่ายิ่งผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่า จากสถิติสูงสุด 2 เดือน ผู้สูงอายุเสียชีวิต 54 ราย ร้อยละ 80 ส่วนใหญ่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป และยังพอข้อมูลผู้สูงอายุเสียชีวิตจากโควิดวันที่ 1 มกราคม-28 กุมภาพันธ์ ทั้งหมด 928 ราย เกือบครึ่งยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน คิดเป็นสัดส่วน 60% และได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 คิดเป็นสัดส่วนเพียง 8% ถือว่ายังน้อยมาก

ดังนั้น จึงต้องเร่งรัดฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และฉีดเข็มกระตุ้น เข็ม 2, 3,4 ในระยะเวลาที่ครบกำหนด เพื่อลดโอกาสเสียชีวิต ในทางปฏิบัติ ให้หน่วยงานในแต่ละจังหวัด ค้นหาผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน และทำทะเบียน ให้ข้อมูลทุกทาง หากยินยอมแล้วให้รับวัคซีนทันที


รับชมทางยูทูบที่ :https://youtu.be/_u7chO6Hx2c

คุณอาจสนใจ

Related News