สังคม

เปิดคำพิพากษา จำคุก "พิรงรอง" ชี้เจตนากลั่นแกล้ง "ทรู ไอดี"

โดย panwilai_c

6 ก.พ. 2568

120 views

ศาลพิพากษาคุก 2 ปี "พิรงรอง" กสทช. ผิดมาตรา157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในคดีที่ทรูไอดี ยื่นฟ้อง



9 โมงเช้าที่ผ่านมา ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง ามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เดินทางมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อฟังคำพิพากษา ในคดีระหว่างฝ่ายโจทก์ คือ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ฟ้องในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากการส่งหนังสือเตือนบริษัท ทรู ว่ามีการแทรกโฆษณาระหว่างเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ดิจิทัล ในแอปพลิเคชั่นทรูไอดี ส่อแสดงเจตนากลั่นแกล้งให้ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป ได้รับความเสียหาย



ตอนที่อาจารย์พิรงรอง มาถึงศาล รองศาสตราจารย์ ดร.ปรีดา อัครจันทโชติ คณบดีคณะนิเทศศาตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมด้วยเพื่อนร่วมงาน และอดีตลูกศิษย์นำดอกไม้มามอบให้กำลังใจด้วย



อาจารย์พิรงรอง ยอมรับกับสื่อว่า มีความกังวลใจ แต่ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ก็จะต้องยอมรับคำตัดสินในวันนี้ พร้อมยืนยันว่าที่ผ่านมา ได้ทำหน้าที่ กสทช. ด้วยความถูกต้อง และในฐานะของ กสทช. ยังมีเรื่องที่อยากทำให้สำเร็จ คือ การสนับสนุนกิจการโทรทัศน์ชุมชน รวมทั้งเรื่อง OTT ที่ต้องมีกฎหมายดูแลให้ครอบคลุม รวมถึงเรื่องสหภาพการรวมตัวของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อ ที่ควรจะต้องมีการสนับสนุนจาก กสทช.



ประมาณ 10 โมงครึ่ง ศาลพิพากษาจำคุก ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง ในความผิดตามมาตรา 157 ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ 2 ปี ไม่รอลงอาญาฯ



ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การออกอากาศบนแพลตฟอร์ม ทรู ไอดี เป็นการออกอากาศผ่าน OTT นั้นยังไม่มีข้อกฎหมายที่จะต้องขออนุญาตจาก กสทช.และการกระทำของจำเลยที่มีการเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่กสทช.ออกหนังสือเป็นการและมีคำพูดในทำนองว่า ตลบหลัง และการล้มยักษ์ ทำให้มีหลักฐานชัดเจนว่า จำเลยมีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหาย การต่อสู้ของจำเลยเป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีพยานหลักฐานน้ำหนักให้หักล้างพยานโจทก์ได้



มีรายงานว่าระหว่างฟังคำพิพากษา อาจารย์พิรงรอง มีท่าทีเคร่งเครียด และคอยจดรายละเอียดคดี ทันทีที่ศาลมีคำพิพากษาตัดสินจำคุก 2 ปี อาจารย์พิรงรอง ก้มหน้าแสดงอาการเสียใจ ขณะที่กลุ่มผู้มาให้กำลังใจมีบางคนอุทานออกมาในห้องพิจารณาด้วยความตกใจ บางคนก็ร้องไห้ และหลังจากที่ผู้พิพากษาลุกออกจากบัลลังก์ กลุ่มตัวแทนบางคนก็เข้าไปกอดให้กำลังใจอาจารย์พิรงรอง



จากนั้นศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว เพื่อยื่นต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว แต่วางเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และวางวงเงินประกัน 120,000 บาท ทันทีที่ลงมาจากศาลก็ไม่ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่ม มีเพียงยกมือไหว้พร้อมยิ้มแย้ม ตอบเพียงแค่ว่าขอขอบคุณทุกกำลังใจ และขอบคุณสื่อมวลชนทุกคนที่มาทำข่าว



เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามถามถึง กระแสข่าวว่ามีคนในบอร์ด กสทช. ยื่นข้อเสนอให้ อ.พิรงรอง ลาออกจากตำแหน่งเพื่อแลกกับการถอนฟ้องในคดีแต่ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง ไม่ได้ตอบคำถามในประเด็นนี้



สำหรับคำพิพากษาของศาลที่ออกมา ระบุชัด เป็นการใช้หน้าที่ฝ่าฝืนกฎหมายชัดแจ้ง ในการประชุมมีการใช้คำว่า "ตลบหลัง" หรือ "ล้มยักษ์" มีประสงค์ให้กิจการของผู้ฟ้องเสียหาย



ในคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ระบุว่า โจทก์ คือ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด เป็นผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่น True ID ประเภท Over The Top หรือ OTT ผ่านอินเทอร์เน็ตสาธารณะที่ไม่มีการจัดการโครงข่ายเป็นการเฉพาะ ซึ่ง กสทช.ไม่เคยกำหนดให้ แอปพลิเคชัน ดังกล่าวต้องขอใบอนุญาตจาก กสทช.



ส่วนจำเลย คือ อาจารย์ พิรงรอง เป็นกรรมการใน กสทช. ได้กล่าวในที่ประชุมคณะอนุกรรมการ กสทช.ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 แสดงให้เห็นว่ามีเจตนาที่จะล้มกิจการของโจทก์ โดยกล่าวในทำนองว่า "วิธีที่เราจะจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ไปทำที่โจทก์โดยตรง แต่ไปทำที่ช่องรายการที่รับใบอนุญาตจาก กสทช. เป็นการใช้วิธีตลบหลัง โดยในที่ประชุมมี้ที่แสดงความไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการเลือกกระทำเฉพาะแอฟพลิเคชั่น ทรู ไอดี แต่จำเลยพยายามโน้มน้าวและรวบรัดพิจารณา ซึ่งก่อนจะจบการประชุมจำเลยยังให้เตรียมความพร้อมที่จะล้ม หรือระงับการให้บริการแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี โดยใช้คำพูดว่า "ต้องเตรียมตัวจะล้มยักษ์"



ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยเป็นประธานการประชุม มีวาระที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับการตรวจสอบการแพร่เสียงแพร่ภาพผ่านการให้บริการกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และแอฟพลิเคชั่นทรูไอดี แต่กลับมีการพูดถึงทรู ไอดี เพียงรายเดียว ทั้งที่มีผู้ให้บริการจำนวนมากที่ทำแบบเดียวกับทรู ไอดี การพิจารณาแบบนี้อาจจะส่งผลต่อการพิจารณาในประเด็นต่างๆ ในอนาคตได้



ประกอบกับการประชุมครั้งที่ 4 จำเลยได้มีการตำหนิที่ทำหนังสือไม่ได้เจาะจงชื่อของ แอป ทรู ไอดี ของโจทก์ จึงให้มีการแก้ไข ทั้งที่การประชุมในครั้งที่ 4 ไม่ได้มีมติดังกล่าวแต่อย่างใดเป็นการทำเอกสารเป็นเท็จที่จำเลยทราบดี และจำเลยได้มีมติรับรองการประชุมเท็จดังกล่าว



เมื่อพิจารณาถ้อยคำที่ใช้ในที่ประชุม ซึ่งระบุว่า "ต้องเตรียมตัว จะล้มยักษ์" และจำเลยก็ยอมรับว่า คำว่า "ยักษ์" หมายถึงโจทก์ เป็นการสื่อความหมายชัดเจนว่า ประสงค์ให้กิจการของโจทก์เสียหาย ถือเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังผู้ประกอบการรวม 127 ราย ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายชะลอ หรือขยายเวลาเข้าทำนิติกรรมกับโจทก์ จึงพิพากษาจำคุก 2 ปี



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/2AW7FVIYn94

แท็กที่เกี่ยวข้อง  พิรงรอง ,ทรูไอดี ,มาตรา157

คุณอาจสนใจ

Related News