กรมบัญชีกลางพร้อมดูแล หาก 'ลุงมณฑล' ต้องการยืนยันสิทธิ ชี้มีหน้าที่โอนเงินตามที่ พม.ส่งมาเท่านั้น

กรมบัญชีกลางพร้อมดูแล หาก 'ลุงมณฑล' ต้องการยืนยันสิทธิ ชี้มีหน้าที่โอนเงินตามที่ พม.ส่งมาเท่านั้น หลังโยกสามล้อเข้ากทม. ระยะทาง 400 กม.ยืนยันสิทธิเบี้ยคนพิการ

จากรณีที่นายมณฑล ชายพิการทางขา ใช้รถสามล้อโยกจากสุโขทัย มาถึงอยุธยาแล้ว โดยมีผู้ว่าฯ รอรับให้การช่วยเหลือ แต่เจ้าตัวกับปฏิเสธ โยกรถเข็นหนีมุ่งหน้าไปยังกรมบัญชีกลาง กรุงเทพฯ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมให้กับกลุ่มผู้พิการเปราะบาง


จากกรณีนายมณฑล อายุ 45 ปี ชาว ต.แม่สำ อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย โยกรถเข็นสามล้อจากบ้านมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เพื่อยืนยันตัวตนตามที่เจ้าหน้าที่แจ้ง เนื่องจากถูกตัดสิทธิผู้พิการ และไม่มีบัตรประชาชน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไชโย จ.อ่างทอง พบเจอเมื่อคืนที่ผ่านมาและนำไปพักผ่อนไว้ที่โรงพักเนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย


นายมณฑล เล่าว่า เดิมตนมีอาชีพรับจ้างทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ โดยทำงานเป็นช่างแกะลายกระจก แกะสลักไม้ รับทำป้าย แต่ได้พลัดตกตึก 6 ชั้น ตั้งแต่ปี 2557 ทำให้เป็นผู้พิการขาทั้ง 2 ข้าง จึงเดินทางกลับจังหวัดบ้านเกิดไปรับจ้างทำงานแฮนด์เมดจากกะลามะพร้าว แต่มีรายได้ไม่ดี ญาติพี่น้องก็มีภาระกันทุกคน ที่ผ่านมาได้รับเงินช่วยเหลือสวัสดิการของคนพิการ เดือนละ 800 บาท ตนไปขอตรวจสอบเบี้ยคนพิการ ทำให้ทราบว่าไม่มีเบี้ยคนพิการโอนเข้ามาในบัญชีมาตั้งแต่ปี 2563 ตนจึงเดินทางไปตรวจสอบที่อำเภอศรีสัชนาลัย เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ตนถูกตัดสิทธิผู้พิการ บัตรประชาชนก็ไม่มี


เจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ไปแจ้งความที่ สภ.ศรีสัชนาลัย จากนั้นได้รับคำแนะนำว่าต้องไปยืนยันสิทธิด้วยตนเองที่กรมบัญชีกลาง ในกรุงเทพฯ ตนไม่รู้จะเดินทางไปได้อย่างไร และขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยพาไป แต่เจ้าหน้าที่ตอบกลับมาว่าช่วยเหลือได้เท่านี้ เรื่องการเดินทางคงต้องช่วยเหลือตัวเอง ตนจึงตัดสินใจใช้รถสามล้อโยกเป็นพาหนะ ออกเดินทางมาพร้อมสัมภาระที่อยู่ในตะกร้าหน้าและหลัง ใช้เวลากว่า 3 สัปดาห์ จึงเดินทางมาถึงจังหวัดอ่างทอง รวมระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร


เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอ่างทอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไชโย ต้องระดมกำลังออกตามหาตัว นายมณฑล เนื่องจากได้หลบหนีออกจากโรงพักไปเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา


ล่าสุดพบตัวนายมณฑล แล้ว กำลังโยกรถสามล้อคู่ใจมาตามถนนสายเอเชียมาที่ อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อช่วงสายของวันนี้ โดยมีนายไพรัตน์ เพชรยวน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง เข้าพูดคุยให้การช่วยเหลืออำนวยความสะดวก และช่วยแก้ปัญหาในเบื้องต้น อยู่ที่บริเวณศาลาริมทางถนนสายเอเชีย กม.36 หน้าตลาดบางปะหัน


ซึ่งพบว่า นายมณฑล ไม่มีบัตรประชาชน ชื่อถูกย้ายไปอยู่ทะเบียนกลาง เนื่องจากถูกตำรวจออกหมายจับในคดีทำร้ายร่างกายบุพการี ทำให้ชื่อของนายมณฑล ถูกคัดไปอยู่ในทะเบียนกลางตามระบบ และกรณีมีหมายจับยิ่งทำให้นายมณฑล ไม่พอใจ กลายเป็นอีกสาเหตุหนึ่งต้องโยกรถเข็น ร้องกรมบัญชีกลาง โดยอ้างว่าตนเป็นตัวแทนของคนกลุ่มผู้เปราะบาง คนพิการทั่วประเทศที่ขาดการเหลียวแลอยู่ในขณะนี้ให้ได้รับการช่วยเหลือ อย่างเป็นธรรม ตามระเบียบของทางราชการ

ระหว่างที่นายไพรัตน์ รองผู้ว่าฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ พยายามเข้าพูดคุยเจรจา ปรับความเข้าใจ และอธิบายถึงสาเหตุที่ต้อง ย้ายชื่อไปอยู่กรมบัญชีกลางให้ได้ทราบ พร้อมกับจะประสานงานย้ายชื่อเข้าสารบบเดิม เนื่องจากคดีสิ้นสุดลงแล้ว และจะทำบัตรประชาชนให้ใหม่ แต่นายมณฑล กับปฏิเสธในการช่วยเหลือ


ก่อนจะโยกรถเข็นสามล้อ ฝ่าวงล้อมของคณะรองผู้ว่าฯ ออกไปริมถนนอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ ที่พยายามร้องขอแล้วก็ตาม และไม่กล้าที่จะติดตามนายมณฑล เพราะกลัวจะสร้างแรงกดดันจนเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้

ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือพม.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่หนุ่มพิการโยกรถ สามล้อจากจังหวัดสุโขทัย ไปที่กรมบัญชีกลาง กรุงเทพมหานคร เพื่อยืนยันตัวตนขอสิทธิรับเบี้ยความพิการว่า ทางกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ได้เข้าไปพูดคุยกับชายพิการแล้ว และเชิญไปอยู่ที่สำนักงานพม. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อพูดคุยและตรวจสอบข้อเท็จจริงถึง ปัญหาหรือสาเหตุที่เกิดขึ้น

ในเบื้องต้นทราบว่า ชายพิการดังกล่าว ไม่ได้อยู่ในภูมิลำเนาจังหวัดสุโขทัยมานานกว่า 2 ปีแล้ว ทำให้ถูกถอดออกจากบัญชีคนพิการของจังหวัดสุโขทัย ซึ่งทางกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ จะไปตรวจสอบและดูว่า จะสามารถแก้ไขปัญหาให้ได้อย่างไรบ้าง

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/RgHc02jHVZ4