รวบแก๊งยิง 'น้องหยอด-ครูเจี๊ยบ' ตรวจค้นเซฟเฮ้าส์ พบซุกปืน รถที่พาหนีหลังก่อเหตุ

สืบนครบาล เปิดปฏิบัติการ "ปิดเมืองกรุง ล่ามือปืน ep.2" ค้น 14 จุด ในกรุงเทพและปริมณฑล รวบผู้ต้องหาได้ 13 คน รวบคนชี้เป้าในคดียิงน้องหยอดและครูเจี๊ยบ และ "เป๊ปซี่" เจ้าขอวลี "เพื่อนผมเป็นแพะ โดนจับเพราะมาติวหนังสือ" ไปดูวินาทีตำรวจรวบ "เป๊ปซี่"



นี่เป็นวินาทีที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล บุกจับนาย ชนัญชิต แสงจันทร์ หรือ เป๊ปซี่ อายุ 21 ปี อดีตนักศึกษาช่างกลปทุมวัน รุ่น 64 หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต วิศวกรรมปิโตรเลียมเคมีและสิ่งแวดล้อม ได้บริเวณคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านพญาไท กรุงเทพฯ พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง สมุดโน้ต กระดาษประวัตินักศึกษา  และสมุดบัญชีธนาคาร ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ในความผิดฐาน "ร่วมกันสมคบตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน (ซ่องโจร)"



เบื้องต้นเจ้าตัวให้การปฏิเสธ หากจำกันได้ย้อนกลับไปวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่หน้าของขังของ สน.ทุ่งมหาเมฆ "เป๊ปซี่" เป็นคนที่ไปเยี่ยมเพื่อน 9 คนที่โดนจับ จากปฏิบัติการ "ปิดเมืองกรุง ล่ามือปืน ep.1" ของตำรวจ และวันนั้น "เป็ปซี่" บอกว่า ทุกคนที่ถูกตำรวจจับเป็นแพะรับบาป มั่นใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ฝีมือของนักศึกษาปทุมวันแน่นอน แต่เชื่อว่าเป็นฝีมือกลุ่มคู่อริสถาบันอื่น ที่เคยมีเรื่องบาดหมางนักศึกษาอุเทนถวายยืนยันว่าไม่ได้รวมตัวกันเป็นแก๊งก่ออาชญากรรมแต่รวมตัวกันเพื่อติวหนังสือ พร้อมกับท้าทายให้ไปเจอกันในชั้นศาล แต่ "เป็ปซี่" ก็เป็น 1 ในผู้ต้องหาคดีกราดยิงงานแต่งอดีตนักศึกษาอุเทนถวาย เมื่อกลางเดือนสิงหาคม 2565 ด้วย ไปดูบรรยากาศวันนั้นอีกครั้ง



หลังจากถูกจับตำรวจก็คุมตัว "เป๊ปซี่" เข้ามาที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล และสื่อได้สอบถามว่า "วันนี้ยังบอกว่าเป็นการจับแพะอยู่หรือไม่" ไปฟังคำตอบของ "เป๊ปซี่" นอกจากนี้ตำรวจยังตามจับ นายนภวุฒิ เรืองศรี หรือวุฒิ อายุ 25 ปี คนชี้เป้า ผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่าของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ออกเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ในข้อหา ร่วมกันสมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใด หรือสมคบซ่องโจร ได้ด้วย เท่ากับว่าผู้ต้องหาตามหมายจับใหม่ 14 คน วันนี้ จับได้ 12 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก 10 คน ได้แก่ นาย ชนัญชิต แสงจันทร์ อายุ 21 ปี นายจิรเมธ นามณรงค์ อายุ 20 ปี นายกันตพงศ์ พรมพิทักษ์ อายุ 28 ปี นายขจรศักดิ์ แต้มชัยภูมิ อายุ 25 ปี นายกรกฎ ตื้อแอ้ อายุ 20 ปี นายสุขสันต์ กองแก้ว อายุ 22 ปี นายชุมนุมโชค เอี่ยมปาน อายุ 21 ปี นายนครินทร์ นาคิน อายุ 29 ปี  นายณัฏฐกิตต์ คำเก่า อายุ 33 ปี และ นายอัฐวุฒิ สินอยู่ ทั้งหมดถูกดำเนินในความผิดฐาน "ร่วมกันสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน (ซ่องโจร)"



ส่วน นางสาวอัญญารัตน์ ทองสุข อายุ 24 ปี และนายธนโชติ บุญสงเคราะห์ อายุ 22 ปี ถูกดำเนินคดีฐาน ข้อหา "สนับสนุนร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน" สาเหตุที่นางสาว อัญญารัตน์ เพราะร่วมกับนาย นภวุฒิ ช่วยพาทีมสังหารหนี(กราฟิก 4 คนที่หลบหนี)เหลืออีก 4 คน ที่หลบหนี ได้แก่ นาย อนาวิน หรือวิน แก้วเก็บ อายุ 20 ปี มือปืน นายอับดุลเลาะ หรือเลาะ ดือราแม อายุ 28 ปี คนขี่มอเตอร์ไซต์ และอีก 2 คน ที่เป็นหมายจับใหม่ ตำรวจยังไม่เปิดเผยชื่อและข้อหา



ทั้งหมดถูกคุมตัวมาสอบปากคำที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกคุมตัวแต่ละคนอยู่ในสภาพอิดโรย และเมื่อมาถึงที่ศูนย์สืบสวนนครบาล ตำรวจก็คุมไปสอบปากคำทันที มีรายงานว่า มีผู้ต้องหา 5 คน ที่มีรอยแผลเป็น เป็นรูปฟันเฟืองที่ไหล่ซ้าย หน้าอกซ้าย บางคนมี 4 รอย บางคน 2 รอย ถ้าจำกันได้แผลเป็นของสัญลักษณ์ฟันเฟืองที่ต้นแขนซ้ายเป็นเหมือนการอวยชั้นยศ ใครที่ไปก่อเหตุแล้วผลงานเข้าตา ก็จะได้รับการประทับตรานี้ 1 อัน โดยการเอาตราฟันเฟืองไปเผาไฟแล้วมาประทับที่แขนซ้าย หากเทียบก็คล้ายเหรียญเกียรติยศ หากมีมาก ก็จะเป็นระดับยศชั้นสูงหรือเป็นผู้นำ ได้รับการยอมรับจากคนในกลุ่มมาก



มีรายงานว่าวันนี้พลตำรวจตรี นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สอบปากคำผู้ต้องหาด้วยตัวเองทั้งหมด และได้สั่งสอน ผู้ต้องหาทั้งหมด ระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นสิ่งที่ต้องถูกหมายจับ และถูกจับกุมตัวเป็นไปตามพยานหลักฐานทั้งหมด และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอให้หยุดและจบที่รุ่นเรา เมื่อสิ้นสุดกระบวนการยุติธรรมแล้วต้องไปต่อในวันข้างหน้า ได้หรือไม่ได้ โดยผู้ต้องหาทั้งหมดตอบว่า "ได้ครับ"ก่อนจะออกมาให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เกือบ 1 เดือนที่ผ่านมา ทีมสืบนครบาลหารวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ทั้งพยานบุคคล พยานแวดล้อม พยานวัตถุ และไปพบแอพพลิเคชั่น และกล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ทำให้พบว่า กลุ่มคนร้ายเหล่านี้ มีการวางแผนตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ วางแผนหลบหนี เช่าเซฟ เฮ้าส์ จัดหายานพาหนะ คิดวิธีอำพรางยานพาหนะ จัดหาอาวุธปืน ฝึกรุ่นพี่รุ่นน้อง ปกครองกันแบบรุ่นพี่รุ่นน้อง มีเป้าหมายชัดเจน และจะมีการรับน้อง 12 พฤศจิกายน จึงลงมือก่อเหตุก่อน คือ วันที่ 11 พฤศจิกายน เบื้องต้นผู้ต้องหาทุกคนยังให้การปฏิเสธ และได้ซักถามสืบสวนขยายผล เพื่อให้เขารู้ว่า เมื่อศาลออกหมายจับแสดงว่าพยานหลักฐานเพียงพอ แต่จะให้การอย่างไรไม่ว่ากันไปสู้กันในศาล



ส่วนความคืบหน้าการติดตามตัวมือยิง คือ นายอนาวิน และนายอับดุลเลาะ ตำรวจยืนยันว่า ตอนนี้กำลังไล่ล่าตัวอย่างกระชั้นชิด ซึ่งเบาะแสล่าสุดที่พบ คือ หลบหนีไปทางจังหวัดสุพรรณบุรี โดยมี นาย นภวุฒิ และแฟนสาวเป็นคนให้ความช่วยเหลือ (ภาพ บุกค้นบ้านรามคำแหง)เมื่อช่วงบ่ายตำรวจจึงคุมตัว นาย นภวุฒิ ไปที่บ้านหลังหนึ่งที่อยู่ภายในหมู่บ้านย่านรามคำแหง ภายในบ้านไม่มีผู้อาศัย ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ มีเพียงรถฮอนด้าแอคคอร์ด สีบรอนทองจอดอยู่ ภายในรถเจอกระเป๋าเป้สีเทา 1 ใบ มีกล่องสีดำล็อคกุญแจ 1 ใบ ในกล่องคือปืนออโตเมติกขนาดจุด 45 พร้อมกระสุนปืนขนาดจุด45 จำนวน 36 นัด และกระสุนขนาดจุด38 อีก 3 นัด แม็กกาซีน 2 อัน ถุงมือ 1 ข้าง เสื้อผ้า 1 ชุด ซึ่ง นาย นภวุฒิ อ้างว่าทั้งหมดเป็นของตัวเอง ซื้อปืนไม่มีทะเบียนมาจากไลน์ ราคากระบอกละ 4-5 หมื่นบาท พร้อมกระสุน อ้างว่าพกไว้ป้องกันตัวขณะที่ท้ายรถเจอถังน้ำมันขนาด 10 ลิตร 1 แกลลอน นาย นภวุฒิ อ้างว่า ชอบเดินป่าเลยซื้อน้ำมันติดรถไว้ แต่ตำรวจเชื่อว่า อาจจะซื้อไว้เพื่อหลบเลี่ยงกล้องวงจรปิดภายในปั๊มน้ำมัน หรือเตรียมไว้ทำภารกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง



ภายหลังการตรวจค้น พลตำรวจตรี นพศิลป์ เปิดเผยว่า นาย นภวุฒิ เป็นคนขับรถกระบะ มิตซูบิชิไททัน ไปรับทีมสังหารที่อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี หลังทีมสังหารเปลี่ยนสีรถ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว โดยให้ นางสาว อัญญารัตน์ แฟนสาวขับรถเก๋งคันนี้ไปรับที่สุพรรณบุรี และนำรถมาจอดหลบซ่อนไว้ในบ้านหลังนี้ โดยบ้านหลังนี้เพิ่งซื้อ แต่เป็นชื่อแม่ของนายนพวุฒิ ส่วนรถเป็นชื่อของนายนพวุฒิและจากการตรวจสอบพบว่า นายนภวุฒิ เรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 เรียนไปด้วย ทำงานเป็นช่างแอร์จึงมีเงินและได้คอยสนับสนุนเพื่อน

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/B1w_T57iRic