สังคม
คุมตัว 'จ่าสิบโท' มือแฮกข้อมูล 55 ล้านคน ส่งตำรววจไซเบอร์ - บุกค้นห้องพบอุปกรณ์ไอทีเพียบ
โดย parichat_p
12 เม.ย. 2566
54 views
คุมตัว จ่าสิบโทเขมรัตน์ มือแฮกข้อมูล 55 ล้านคน ส่งตำรววจไซเบอร์ ก่อนคุมตัวไปค้นห้องพัก พบอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคหลายอย่าง เชื่อไม่ใช่มือสมัครเล่นแน่นอน // ขณะที่ ผู้ต้องหา ยกมือกราบขอโทษคนไทย ที่ทำให้ตื่นตระหนก ย้ำ ยังไม่ได้ขายข้อมูลไปให้ใคร
นายทหารพระธรรมนูญ คุมตัว จ่าสิบโท เขมรัตน์ บุญช่วย นายทหาร สังกัดทหารหน่วยหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี ผู้ต้องหา ตามหมายจับ ของศาลอาญารัชดา ในความผิด "ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ" มาส่งมอบตัวให้กับ พนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท.
จากกรณีที่จ่าสิบโทเขมรัตน์ เป็นแฮกเกอร์ 9 near แฮกข้อมูลคนไทย 55 ล้านรายชื่อ แล้วส่งข้อความไปข่มขู่บุคคลที่มีชื่อเสียง // ซึ่งในระหว่างที่นายทหารพระธรรมนูญ มาพบพนักงานสอบสวน ตัวผู้ต้องหาไม่ได้เดินลงมาจากรถตู้เพียงคนเดียว จ่าสิบโทเขมรัตน์ ไม่ได้ลงมาด้วย แต่กลับ ไปนั่งในห้องสอบปากคำ เพื่อหลบสื่อมวลชน
จากการสอบปากคำนาน เกือบ 3 ชั่วโมง พนักงานสอบสวน ก็ได้คุมตัว จ่าสิบโทเขมรัตน์ ออกไปค้นของกลางเพิ่มเติมที่ ห้องพัก ใช้เวลาตรวจค้นประมาณ 1 ชั่วโมง // ภายใน เจออุปกรณ์อิเล็คโทรนิคหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ ทั้งฮาร์ดดิส 7-8 ตัว / อุปกรณ์รีโมทควบคุมทางไกล / โน๊ตบุ๊ก / คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะหลายตัว / อุปกรณ์สำหรับซ่อมคอมพิวเตอร์ / เลาร์เตอร์ / พอกเก็ต Wi-Fi หลายเครือข่าย // ทำให้ตำรวจเชื่อว่าผู้ต้องหา มีความเชี่ยวชาญ มีความรู้ความสามารถ และไม่ใช่มือสมัครเล่นอย่างแน่นอน
และเมื่อตรวจค้นเสร็จก็คุมผู้ต้องหากลับมาถึงยังกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อสอบปากคำต่อ และ ผู้ต้องหาก็ได้พูดสั้นๆกับสื่อมวลชน พร้อมกับ ยกมือไหว้กราบขอโทษคนไทยทั้งประเทศที่นำข้อมูลส่วนบุคคลไปเผยแพร่ทางโซเชียลจนเกิดความตื่นตระหนก ตนเองไม่ได้ตั้งใจ พร้อมยืนยันว่า ข้อมูลทั้งหมดยังไม่ถูกนำไปขายข้อมูล หรือหลุดไปที่ใด ส่วนสาเหตุของการซื้อข้อมูล รายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลต่างๆ ขอให้การกับพนักงานสอบสวนเท่านั้น
พลตำรวจโทวรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพ ซึ่งสอดคล้องกับพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ได้มา // เบื้องต้น ผู้ต้องหาจบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งมีความรู้ด้านไอที และมีความสนใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองอยู่ใน ดาร์กเว็บ (เว็บไซต์ Bleach Forums) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่แฮ็คเกอร์นิยมใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยนข้อมูลผิดกฎหมายหรือไม่ จึงเข้าไปตรวจสอบและพบว่ามีข้อมูลของตนเองอยู่จริง จึงได้ติดต่อขอซื้อข้อมูลส่วนตัวคนไทยเพิ่มจากเว็บ จำนวน 8,000,000 เรคคอร์ด เป็นเงิน 8,000 บาท // จากนั้นได้นำรายชื่อส่วนหนึ่งโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย ซึ่งในครั้งแรกไม่ได้รับความสนใจจึงนำข้อมูลส่วนตัวของคนมีชื่อเสียงโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียและส่งข้อความไปหาเจ้าของข้อมูล จนเกิดเป็นกระแสขึ้นมา //และหลังเป็นกระแสผู้ต้องหารู้สึกตกใจจนต้องหลบหนีไปจังหวัดเชียงราย และทำลายเครื่องมือสื่อสารของตัวเองทุกอย่าง แต่มีการทิ้งเบาะแสคือการแวะไปหาเพื่อนตามสถานที่ต่างๆ
ส่วนเจตนาที่ผู้ต้องหาทำไปนั้น จากการสอบปากคำ จำแนกออกมาได้ 3 เจตนา คือ
1.ประกาศขาย เพื่อต้องการเงิน // 2.ต้องการโพสต์ให้คนสนใจ โดยใช้ข้อมูลของบุคคลมีชื่อเสียง ในลักษณะการข่มขู่ // 3.ประเด็นเรื่องการเมือง // ซึ่งจะต้องสอบปากคำอย่างละเอียดเพื่อหาเจตนาที่แท้จริง
จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินและความเชื่อมโยง เบื้องต้น ยังไม่มีการเชื่อมโยงไปยังภรรยา ที่เป็นพยาบาล มีหน้าที่ดูแลคนไข้บนวอร์ด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดูแลระบบไอที //
ส่วนจะมีบุคคลอื่นหรือมีผู้บังคับบัญชาเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น พลตำรวจโทวรวัฒน์ บอกว่า ไม่น่าเกี่ยวข้อง หากมีคนสั่งการหรือมีหน่วยงานที่ควบคุมดูแล ก็ควรจะมีสถานที่ ที่เป็นความลับในการก่อเหตุมากกว่า โดยหลังจากสอบปากคำ จ่าสิบโทเขมรัตน์ เสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนและนายทหารพระธรรมนูญจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังยังศาลทหาร โดยท้ายคำร้องคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี
แท็กที่เกี่ยวข้อง แฮกข้อมูลคนไทย ,จ่าสิบโท9Near