สามียอมรับ 'เจ๊ข้าว' ฉี่รดหน้าอดีตลูกน้อง ฉุนโดนดูถูก ไม่มีปัญญาซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม

ตำรวจเตรียมเรียกเจ๊ข้าว สระบุรี มาสอบปากคำ หลังผู้เสียหายเข้าแจ้งความกองปราบระบุถูกเจ๊ข้าวปัสสาวะรดใบหน้า เหตุไม่พอใจเรื่องโดนดูถูกการซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม

จากกรณี นายอาร์มผู้เสียหาย หนึ่งในผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับ พนักงานสอบสวนกองปราบปราม หลังถูกเจ๊ข้าว โพสต์ประจานผ่านเฟซบุ๊ก

นายอาร์ม เล่าว่า ตนมีอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง และไลฟ์ขายสินค้าแบรนด์เนม โดยรับส่งของให้เจ๊ข้าว วันละ 4-5 งาน ได้เงินวันละ 3-4 ร้อยบาท ส่วนเหตุการณ์ที่ทำให้ตนต้องมาแจ้งความเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 เมษายน เมื่อตนไลฟ์กระเป๋าแบรนด์เนม 3 ใบ ราคา 9 หมื่นบาท ซึ่งตนเจตนาดี จึงได้โทรบอกเจ๊ข้าวให้ซื้อก่อน แต่เจ๊ข้าว เข้าใจผิดหาว่าตนไปเยาะเย้ยไม่มีปัญหาไปซื้อ ทำให้เกิดโต้เถียงกัน

จากนั้นมีลูกน้อง 2 คนข่มขู่ให้ตนไปกราบขอโทษเจ๊ข้าวที่บ้าน ตนกลัวเรื่องจะบานปลาย จึงรีบไปพบเจ๊ข้าวที่บ้านพักหลังเที่ยงคืน แต่กลับกลายเป็นว่าเมื่อไปถึง เจ๊ข้าว กลับสั่งให้ตนนอนกับพื้น แล้วให้ผู้ชาย 4-5 คนมาล้อมไว้ เจ๊ข้าวซึ่งสวมชุดนอนอยู่ก็ขึ้นคร่อมถลกชุดนอนแล้วปัสสาวะรดใบหน้าตนพยายามให้เข้าปาก เพื่อสั่งสอนว่าอย่ามาทำปากดีกับเขา พร้อมสั่งลูกน้องถ่ายคลิปไว้ด้วย

ซึ่งหลังจากเกิดเรื่อง ตนไม่ได้แจ้งความ เพราะเกรงกลัวอิทธิพลของเจ๊ข้าว ที่มีพ่อเป็นผู้ใหญ่บ้าน แต่ภายหลัง เจ๊ข้าว เอาเหตุการณ์ปัสสาวะรดหน้าตนไปเขียนโพสต์ประจานลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ทำให้ตนได้รับความอับอายจากชาวสระบุรีที่รู้จัก จึงเข้าแจ้งความ

ขณะเดียวกัน เจ๊ปั๊บ ซึ่งถูกเจ๊ข้าวข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย ก็มาแจ้งความกับกองปราบพร้อมกันกับนายอาร์ม โดยระบุว่า เหตุการณ์ของตนเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 เมษายน ขณะที่ตนขับรถยนต์มากับเพื่อน 2 คน เพื่อไปตลาด แต่ถูกเจ๊ข้าว และลูกน้องรวมกว่า 10 คนมาล้อมรถยนต์ แล้วเรียกให้ลงจากรถ แล้วใช้โทรศัพท์มือถือตบมาที่ใบหน้าของตน แล้วบังคับให้ตนกราบเท้า และทุบที่หลังตนอีก 1 ครั้ง เท่านั้นยังไม่พอ กับใช้เท้าเหยียบซ้ำที่บริเวณลำคอ พร้อมข่มขู่ด้วยว่า หากเจอที่ไหนจะกระทืบซ้ำ และเจ๊ข้าวยังได้เอาเรื่องของตนไปโพสต์บนเฟซบุ๊ก

ซึ่งเจ๊ปั๊บรับว่า ตนเคยทำงานร่วมกับ เจ๊ข้าว และยืมเงินไป 5 หมื่นบาท แต่ใช้เงินคืนแล้ว 2 หมื่น 5 พันบาท ซึ่งสาเหตุที่ข่มขู่เพราะตามทวงหนี้ โดยหลังจากที่ตนโดนก็มีการแจ้งความดำเนินคดีไว้ ที่สภ.เมืองสระบุรี ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา แต่คดีไม่คืบ

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พบกับ นายอาร์ม ผู้เสียหาย ซึ่งกำลังนั่งตัดผมอยู่พอดี พร้อมบอกด้วยว่า ที่ตนไปร้องกองปราบเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย เพราะมีการข่มขู่ตนว่าจะทำร้ายตนอีก ซึ่งตนคิดว่าเจ๊ข้าวเอาแน่ ซึ่งตนเองรู้นิสัยดี เนื่องจากทำงานด้วยมา 4 ปีแล้วอาจจะรอให้เรื่องเงียบก่อน ซึ่งในส่วนตัวแล้วเจ๊ข้าว เป็นคนใจดี สวดมนต์ ไหว้พระ ทำบุญทุกวันพระ ปล่อยปลา แต่ถ้าหากใครทำให้หงุดหงิด หรืออารมณ์เสีย ก็จะเป็นไปอีกคน คือเกรี้ยวกราด รุนแรง ทำได้ทุกอย่างขอให้สะใจ ในส่วนตัวแล้วเคยเคารพนับถือมากๆ ตนเคยเรียกเจ๊ข้าวว่าแม่ด้วยซ้ำ

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามกับเจ๊ข้าว ที่บ้านพักในอำเภอเมืองสระบุรี แต่เจ๊ข้าวไม่ได้ออกมาพบผู้สื่อข่าว แต่มีสามี และเพื่อน ออกมาพูดคุยแทน โดยบอกว่า ภรรยาของตน ได้ดูแลชุบเลี้ยงช่วยเหลือนายอาร์มมาตลอด ซึ่งเรื่่องการปัสสาวะรดหน้า ก็ทำจริง แต่เป็นเพราะ นายอาร์มท้าทาย ว่า "อีข้าวคนอย่างมึงนะ จะมีน้ำหน้ามาทำอะไรกูได้หรือวะ" ซึ่งทำให้ภรรยาเกิดความโมโห เนื่องจากว่าคนที่ชุบเลี้ยงมาให้อาชีพ ให้งานทำ มาด่าท้าทายได้ถึงขนาดนี้ พร้อมรับว่า มีการใช้รถติดตามจริง โดยภรรยา แค่ต้องการให้นายอาร์ม มาขอโทษเท่านั้น

สามีของเจ๊ข้าวบอกด้วยว่า ที่นายอาร์มไปพูดว่า เจ๊ข้าวเป็นเจ้าแม่เงินกู้ และเป็นผู้มีอิทธิพล ก็ไม่เป็นความจริง ซึ่งคำพูดนายอาร์ม ทำให้ภรรยาตนได้รับความเสียหายเช่นกัน เพราะถูกมองว่าไม่ดี ส่วนเรื่องของเจ๊ปั๊บ เคยเป็นเลขาของภรรยาตนมาก่อน ก็ได้ให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน ให้ยืมไปถึง 3 ครั้งๆละเป็นแสนบาท และมีการทวงถามก็ยังไม่ยอมคืน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยอยู่กลุ่มเพื่อนด้วยกัน จากนั้นได้ผันตัวออกไป ขายสินค้าออนไลด์เอง ซึ่งเมียตนได้ไปทวงถามอีก และทำร้ายร่างกายจริง แต่ไม่ได้รุม และหากตำรวจเรียกมาก็พร้อมไปรับทราบข้อกล่าวหา

จากนั้น พันตำรวจเอกเชษฐชัย เชษฐศิริ ผู้กำกับการ สภ.เมืองสระบุรี ได้เรียก นายอาร์ม ผู้เสียหายเข้าพบเพื่อที่จะสอบปากคำเพิ่มเติม โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาทีจึงแล้วเสร็จ พร้อมกล่าวว่า ตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานก่อน ว่ามีความผิดในเรื่องได อย่างไร พร้อมจะต้องเรียกคู่กรณีอีกฝ่ายเข้ามาสอบปากคำ และหากพบเป็นจริงถือเป็นการกระทำที่ไม่สมควร

รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/ATYAtQMwvTU