"เชฟอ้อย" ยอมรับยักยอกทรัพย์สินเกือบ 2 ล้านบาท แต่ไม่ได้เอาไปขาย เอาไปจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับโปรดิวเซอร์

จากกรณีที่ตำรวจไซเบอร์ เข้าจับกุม นางยุวดี หรือ เชฟอ้อย อายุ 54 ปี เจ้าของเฟรนไชส์ลูกชิ้นชื่อดัง โดยเป็นการจับตามหมายจับในข้อหายักยอกทรัพย์ หลังถูกผู้เสียหายคือคุณกิ๊ฟ ซึ่งเป็นเจ้าของร้านเพชร และเป็นลูกค้าแฟรนไชส์ลูกชิ้นของเชฟอ้อย ฟ้องต่อศาลแขวงบางบอน ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ถูกเชฟอ้อยยักยอกทรัพย์สิน ซึ่งมีทั้งนาฬิกาโรเล็กซ์, เข็มขัดทอง, เพชร รวมถึงทรัพย์สินอื่น ๆ รวมประมาณ 10 รายการ มูลค่าเกือบ 2 ล้านบาทแล้วไม่ยอมคืน

ต่อมาตำรวจไซเบอร์เข้าจับกุมเชฟอ้อย ขณะขายอาหารอยู่ภายในห้างแห่งหนึ่งย่านศรีนครินทร์ และได้นำตัวมาสอบปากคำ โดยเชฟอ้อยยอมรับสารภาพว่ายักยอกทรัพย์สินของคุณกิ๊ฟไปจริง โดยเอาไปให้โปรดิวเซอร์รายการอาหารรายการหนึ่ง ซึ่งช่วงหลังเจอปัญหาเรื่องยอดขายลูกชิ้นตั้งแต่ออกรายการโหนกระแส อีกทั้งพี่ชายก็เสียชีวิตหลังจากได้ดูข่าวของตน

ล่าสุด เชฟอ้อย ได้เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 3 โดยเชฟอ้อยให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ยอมรับว่า ได้เอาทรัพย์สินของคุณกิ๊ฟ รวมแล้วประมาณเกือบ 2 ล้านบาทไปจริง โดยไม่ได้จ่ายเงินให้กับคุณกิ๊ฟ โดยทรัพย์สินทั้งหมดเท่าที่จำได้มีทั้ง นาฬิกาโรเล็กซ์ 2 เรือน, ทองรูปพรรณรวมมูลค่าประมาณเกือบ 7 แสนบาท, เครื่องเพชรอีกหลายรายการ และพระเครื่องหลวงพ่อโอภาสี เลี่ยมกรอบเพชร ซึ่งตนได้นำทรัพย์สินทั้งหมด เอาไปจ่ายใต้โต๊ะให้กับโปรดิวเซอร์ เพื่อแลกกับการที่ตนจะได้นำอาหารไปขายตามบูธในห้างสรรพสินค้าต่างๆ ที่ไหนก็ได้ ในระยะยาว

ซึ่งภายหลังตนกลับถูกโปรดิวเซอร์รายการอาหารบิด เพราะตั้งแต่เป็นข่าวทำให้ชื่อเสียงของตนไม่ดี ตนก็เริ่มไม่ได้นำอาหารไปวางขายตามบูธต่าง ๆ อย่างที่ตกลงกันไว้ อีกทั้งโปรดิวเซอร์รายนี้ก็พูดทำนองว่าจะขอทรัพย์สินตนเพิ่มอีก ทำให้ตนตัดสินใจที่จะขอทรัพย์สินที่เคยให้กับโปรดิวเซอร์คืน ซึ่งหากได้ทรัพย์สินมา ตนก็จะนำเอาไปคืนให้กับคุณกิ๊ฟทั้งหมด จนกระทั่งวันที่ 8 ตุลาคม ตนก็ถูกตำรวจไซเบอร์จับ ซึ่งวันที่ถูกจับตนก็ได้ให้สามีไปเอาทรัพย์สินคืนจากโปรดิวเซอร์ ซึ่งโปรดิวเซอร์ก็คืนทรัพย์สินให้ไม่ครบ ยังเหลือทองรูปพรรณอีกประมาณกว่า 6 แสนบาทที่ไม่ได้คืนมา แต่สิ่งที่ทำให้ตนเจ็บช้ำน้ำใจมากที่สุดคือ โปรดิวเซอร์พูดกับสามีตนว่า ตนสร้างเรื่องว่าถูกตำรวจจับ เพื่อหวังจะมาเอาของคืน ซึ่งตนรับไม่ได้ที่มาพูดดูถูกกันแบบนี้ และหลังจากนี้ตนยืนยันจะเดินหน้าขอทวงคืนทองรูปพรรณที่เหลือมาจากโปรดิวเซอร์ เพื่อเอามาคืนให้กับคุณกิ๊ฟ

นอกจากนี้เชฟอ้อยยังได้ชี้แจง ถึงประเด็นที่ถูกคุณกิ๊ฟฟ้องดำเนินคดีว่ายักยอกทรัพย์ว่า ตนขอยอมรับผิดในเรื่องนี้ เพราะตนเอาทรัพย์สินของคุณกิ๊ฟมา โดยยังไม่ได้จ่ายเงิน ทั้งนี้ตนตั้งใจว่าจะเอาทรัพย์สินไปคืนให้กับคุณกิ๊ฟในวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา แต่ในวันนั้นตนเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ไม่ได้ไปตามนัด และตนก็ได้ส่งรูปกระจกรถที่แตก เพราะอุบัติเหตุไปให้คุณกิ๊ฟดู เพื่อเป็นหลักฐาน ซึ่งหลังจากวันนั้นตนก็ไม่ได้ติดต่อกับคุณกิ๊ฟอีก เพราะตนยุ่งกับเรื่องการขายอาหารทำให้ไม่มีเวลา แต่ตั้งใจว่าช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ ตนจะเอาทรัพย์สินที่ทวงคืนได้มาจากโปรดิวเซอร์ ไปคืนให้กับคุณกิ๊ฟ และตั้งใจจะไปเจรจาชดใช้ค่าเสียหายต่าง ๆ แต่มาถูกตำรวจจับกุมเสียก่อน

ตนขอยืนยันว่า ตนไม่ได้เอาทรัพย์สินของคุณกิ๊ฟไปขายหรือเป็นนายหน้าเอาทรัพย์สินมาขาย อย่างที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ ส่วนเรื่องทางคดีหลังจากตนได้ประกันตัว ศาลไม่ได้กำหนดเงื่อนไขอะไร เพราะตนไม่ได้พฤติกรรมที่จะหลบหนี และศาลนัดให้ตนไปรายงานตัวอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน และในวันดังกล่าวตนก็จะได้เจอกับคุณกิ๊ฟด้วย เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ย