สังคม

ให้ประกันตัว 'เชฟอ้อย' หลังถูกจับคดียักยอกเพชรแฟนคลับ ลั่นไม่ตกใจ เอาเงินไปคืนก็จบ

โดย petchpawee_k

9 ต.ค. 2567

44 views

ตำรวจไซเบอร์รวบเชฟอ้อยกระทะเหล็ก ยักยอกเพชรแฟนคลับ ทำทีเป็นนายหน้าขายเพชรแต่นำไปขายหมุนเงินเพื่อธุรกิจจนเหยื่อ สูญ 2 ล้านบาท ล่าสุดได้ประกันตัว ไม่ตกใจโดนจับกลางห้าง เผยเอาเงินไปคืนก็จบแล้ว 


วานนี้ (8 ต.ค.) ตำรวจไซเบอร์ เข้าไปเชิญตัว เชฟอ้อย  ซึ่งกำลังมาออกบูธขายอาหารเจอยู่ที่ห้างแห่งหนึ่ง ย่านศรีนครินทร์ โดยเจ้าหน้าที่แสดงตัว พร้อมแจ้งว่ามีหมายจับคดียักยอกทรัพย์ และจึงได้เชิญเชฟอ้อยออกมาจากจุดที่ออกร้าน เพื่อไปพูดคุยข้างนอก โดยมีภาพนาทีที่เจ้าหน้าที่เข้าไปเชิญตัวด้วย


จากนั้น จึงเดินออกไปที่ลานจอดรถด้านหลังห้าง ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะแจ้งว่า จำเป็นต้องเชิญตัวไปที่ตำรวจไซเบอร์ และแจ้งว่าจะต้องคุมตัวที่ สน.ทุ่งสองห้องก่อน แล้วค่อยนำตัวส่งศาลในวันรุ่งขึ้น ซึ่งทางเชฟอ้อย ก็ถามกลับเจ้าหน้าที่ว่าต้องเข้าคุกเลยหรอ และขอเจรจากับผู้เสียหายก่อนได้หรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่ก็แจ้งไปว่า จำเป็นต้องคุมตัวตามหมายศาล


พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการ สอท.1 เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้ เป็นการจับตามหมายจับของศาลแขวงบางบอน ลงวันที่ 2 กันยายน 2567 ข้อหาความผิดฐานยักยอกทรัพย์ โดยจับกุมได้ที่ห้างสรรพสินค้า ย่านศรีนครินทร์ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ตอนประมาณ 3 ทุ่ม


ผบก. สอท.1 ให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้ มีผู้เสียหาย ที่รู้จักกับเชฟผ่านทางทีวี และเห็นว่าผู้ต้องหาเป็นเชฟชื่อดัง จึงติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์ร้านอาหาร จนได้พูดคุยเกิดความสนิทสนมกัน และเชฟเห็นว่าผู้เสียหายต้องการจะขายทองคำ เพชร และพระเครื่อง มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท เชฟคนดังจึงเสนอตัวจะเป็นนายหน้านำทรัพย์สินดังกล่าวไปทำการขายให้  


ซึ่งผู้เสียหายเห็นว่าเป็นบุคคลชื่อดัง และเป็นที่รู้จักในวงการ จึงยอมให้นำทรัพย์สินดังกล่าวไปเพื่อทำการขาย แต่พอระยะเวลาผ่านไปหลายเดือน ผู้เสียหายทราบภายหลังว่าเชฟรายนี้ ได้นำทรัพย์สินของตัวเอง ไปมัดจำเพื่อเปิดร้านอาหาร จึงได้ทวงถามไป


ต่อมาชุดสืบสวน จึงแกะรอยจนทราบว่า เชฟรายนี้ มาเปิดบูธขายของที่บริเวณห้างดังกล่าว จึงควบคุมตัว ก่อนเชิญไปสอบสวนที่ สอท.


พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ เปิดเผยว่า จากการสอบสวน เจ้าตัวรับสารภาพว่า ได้มีการนำทรัพย์สินของผู้เสียหายไปจริง โดยสาเหตุมาจากหมุนเงินไม่ทัน หลังจากที่ออกรายการชื่อดังอย่างโหนกระแสไปทำให้มีผู้ติดตามลดลง และมีคนซื้อแฟรนไชส์ลดลงด้วย ทำให้ประสบปัญหาในเรื่องของธุรกิจจึงตัดสินใจก่อเหตุ


เชฟรายนี้ ให้ข้อมูลกับ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ ว่า ได้นำเพชรจากผู้เสียหายไปขายให้โปรดิวเซอร์รายการทีวีช่องดัง และอ้างว่า ทางนั้นก็ยังไม่ได้จ่ายเงิน แต่ช่วงเวลาที่นำเพชรมาครั้งแรก ก็ได้ควักเงินจ่ายให้กับผู้เสียหายไปก่อน 500,000 บาท


แต่ต่อมาภายหลังได้ออกรายการโหนกระแส กรณีที่มีปัญหาเรื่องลูกชิ้น ทำให้ขายไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน ขาดสภาพคล่องไม่สามารถผ่อนคืนให้กับทางผู้เสียหายได้ ประกอบกับพี่ชายมาเสียชีวิต หลังมาออกรายการ โดยเจ้าตัวอ้างว่าได้มีการ LINE ไปพูดคุยกับผู้เสียหายว่าจะชดใช้ ยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาที่จะหลบหนี หรือไม่จ่ายเงินให้กับทางผู้เสียหาย


ทั้งนี้ มีรายงานจากเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวน สน.บางบอน ให้ข้อมูลว่า คดีนี้ผู้เสียหาย ได้ดำเนินการฟ้องตรงต่อศาล ไม่ได้มีการเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.บางบอน


 โดยมีรายงานว่าทางพนักงานสอบสวน ได้ควบคุมตัวเชฟอ้อยที่ สน.ทุ่งสองห้อง ก่อนที่จะคุมตัวมายังศาลแขวงบางบอน และได้รับการประกันตัว โดยศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยวางหลักประกันเป็นเงินสดจำนวน 200,000 บาท  


โดยเวลา 14.30 น. เชฟอ้อย ก็ได้ออกมาจากศาล โดยทีมข่าวได้พยายามสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งเชฟอ้อย ระบุว่า เคสนี้เกิดขึ้นปีที่แล้ว ตนเองไม่อยากให้พูดอะไรแล้ว เพราะเกรงจะไปกระทบกับบุคคลอื่น และคนอื่นจะเดือดร้อนไปด้วย โดยกรณีนี้ เชฟอ้อย อ้างว่า ไกล่เกลี่ยเรียบร้อย ซึ่งบอกว่า “เค้าเอาของมาคืนเรา แล้วเราเอาไปคืนเค้าก็จบ” เมื่อทีมข่าวถามว่า ตกใจหรือไม่ที่ถูกเจ้าหน้าที่เข้าไปเชิญตัวกลางห้าง เชฟอ้อยบอกว่าไม่ตกใจ


ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ (8 ต.ค.) นายนิติ  อายุ 28 ปี หนึ่งในผู้เสียหายจากกรณีแฟรนไชส์ของเชฟอ้อย ได้เดินทางมายังศาลแขวงบางบอน เพื่อคัดค้านการประกันตัวหลังทราบว่าเชฟอ้อยถูกตำรวจจับกุม และส่งฝากขังศาล แต่นายนิติเดินทางมาไม่ทัน เพราะศาลได้อนุญาตให้ประกันตัวเรียบร้อยแล้ว และคดีที่นายนิติฟ้องร้องกับเชฟอ้อย ก็เป็นคนละคดีกัน จึงไม่สามารถยื่นคัดค้านการประกันตัวในวันนี้


โดยนายนิติ ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่า ตนเป็นผู้เสียหายในคดีแฟรนไชส์ซึ่งเคยซื้อไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 ซึ่งคดีนี้เคยเป็นข่าวมาแล้ว และสุดท้ายไปจบที่ศาลในวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 โดยมีการไกล่เกลี่ยค่าเสียหาย จากที่ตนเรียกค่าเสียหายไป 2 ล้านบาท ตนลดให้เหลือ 270,000 บาท เนื่องจากเห็นใจเชฟอ้อยที่ขณะนั้นประสบปัญหาการขาย แต่สุดท้ายเชฟอ้อยกลับไม่ทำตามที่ตกลง


ในการไกล่เกลี่ยวันนั้น เชฟอ้อยชำระเงินให้เพียง 30,000 บาท และขอผ่อนชำระเดือนละ 30,000 บาทเป็นเวลา 8 เดือน โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 แต่ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เชฟอ้อยยังไม่ได้โอนเงินตามที่ตกลง ตนได้สอบถามไปทางลูกสาวของเชฟอ้อย แต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับ


นายนิติยังกล่าวอีกว่า ตนกังวลว่าอาจจะไม่ได้รับเงินคืน แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกไม่ดีคือเชฟอ้อยไม่ทำตามคำพูด และดูเหมือนไม่เคารพต่อสังคมและคนที่ให้โอกาส อย่างไรก็ตาม ตนยังคงพยายามดำเนินการตามกฎหมายต่อไป และตั้งใจที่จะคัดค้านการประกันตัวในวันนี้เพื่อให้สังคมรับรู้ว่า นี่ไม่ใช่เคสแรกของเชฟอ้อย และยังมีผู้เสียหายอีกหลายคนที่ยังไม่ได้รับการเยียวยา


นายนิติกล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อได้พบเชฟอ้อยขณะเดินออกจากศาล เชฟอ้อยไม่มองตนเลย และตนเองไม่เคยได้รับคำขอโทษใดๆ จากเชฟอ้อยแม้จะเคยเรียกร้องให้ขอโทษมาก่อนหน้านี้


สุดท้าย ยังระบุว่า สิ่งที่ทำให้ฟ้องร้องเชฟอ้อยมาจากการที่แฟรนไชส์ที่ซื้อมามีปัญหา ไม่ได้อุปกรณ์ทำอาหารตามที่ตกลง รวมถึงเชฟอ้อยไม่ได้ทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/mCZw9IGMZg0


คุณอาจสนใจ

Related News