สังคม

สาวสุดช้ำ หมอวินิจฉัยผิด แพ้ยารุนแรง นอนไอซียู 3 เดือน ผิวหนังหลุดลอก ตาเกือบบอด

โดย passamon_a

9 ก.ย. 2567

192 views

สาวไอที วัย 31 ปี เป็นไข้ เจ็บคอ หมอวินิจฉัยต่อมทอนซิลอักเสบ ฉีดยากลับบ้าน ตุ่มขึ้นริมฝีปาก-ใบหน้า แน่นหน้าอก ไป รพ.อีกครั้ง หมอวินิจฉัยเป็นอีสุกอีใส ฉีดยาจนแพ้ยาขั้นรุนแรง เข้าไอซียู ผิวหนังหลุดลอกเหมือนถูกไฟไหม้ ปากพุพอง ผดผื่นขึ้นเต็มตัว ตาเกือบบอดทั้ง 2 ข้าง รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลนาน 3 เดือน


เมื่อวันที่ 8 ก.ย.67 ทีมข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นางสาวศศินันท์ อายุ 31 ปี พนักงานไอทีบริษัทแห่งหนึ่ง ว่า ช่วงวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา ตนเองไปทำงานตามปกติ ตากฝนกลับบ้าน พอถึงบ้านสังเกตมีอาการตาแดง มีไข้ เจ็บคอ จึงเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ในวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่งหมอวินิจฉัยว่าต่อมทอนซิลอักเสบ หมอจึงฉีดยาและนัดมาฉีดให้ครบ 3 เข็ม พอกลับถึงบ้านเริ่มตัวร้อนตลอดเวลา ก่อนอาบน้ำช่วงเที่ยงคืน ส่องกระจกสังเกตเห็นมีตุ่มขึ้นที่ริมฝีปาก ใบหน้ามีตุ่มขึ้นเป็นผด ร้อน ๆ หนาว ๆ แน่นหน้าอก แต่ไม่คิดว่าจะเป็นอะไรมาก


เช้าวันที่ 21 มิถุนายน ไปหาหมอโรงพยาบาลเอกชนแห่งเดิม หมอที่ตรวจวันแรกเห็นอาการของตนผิดปกติ จึงส่งตนไปหาหมอเฉพาะทาง ซึ่งหมอเฉพาะทางแจ้งว่า น่าจะมีอาการแพ้ยาร่วมด้วย จึงให้แอดมิทวันนั้นเลย พอแอดมิทก็ยังได้รับการฉีดยาตัวเดียวกันกับวันแรกอยู่ หลังจากนั้นมีหมอ 2-3 คน มาตรวจสอบถามประวัติการรักษา หมอท่านหนึ่งบอกว่าน่าจะเป็นอีสุกอีใสหรือเปล่า เพราะมีตุ่มพุพอง ตนจึงแจ้งไปว่าเคยเป็นอีสุกอีใสตั้งแต่เด็กไม่น่าจะเป็นอีก แต่หมอบอกว่าดูจากอาการอาจเป็นไปได้ที่จะติด เพราะมีอาการภูมิตกด้วย


หมอจึงฉีดยาในกลุ่มอีสุกอีใสตัวหนึ่ง จากนั้นตนเริ่มมีอาการหนักขึ้น สายตาพร่ามัวมองไม่เห็น ตนแจ้งพยาบาลให้ช่วยดูอาการ แล้วจากนั้นคืนวันที่ 22 มิถุนายน เข้าห้องไอซียู วันที่ 23-25 มิถุนายน มีอาการเบลอไม่มีสติ เพราะโดนยาเยอะมาก หมอก็ไม่บอกสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร แจ้งเพียงว่าขอตรวจเลือด เอาชิ้นเนื้อไปตรวจหาโรค ระหว่างนั้นทางโรงพยาบาลเรียกญาติมาคุย โดยบอกว่า มีอาการแพ้ยาขั้นรุนแรง จะขอส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนอีกแห่งหนึ่ง เนื่องจากโรงพยาบาลแห่งแรกไม่มีห้องปลอดเชื้อ อุปกรณ์รักษาไม่พร้อม


โดยตนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลเอกชนแห่งที่สอง ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน - วันที่ 2 สิงหาคม อยู่ห้องไอซียูมาตลอด ซึ่งหมอรักษาตามอาการ อาการของตนเหมือนคนโดนไฟคลอก น้ำร้อนลวก ผิวหนังหลุดหมด ทุก ๆ 7 วัน หมอจะต้องตัดผิวหนังที่หลุดออก แล้วพันผ้าก๊อตเพื่อไม่ให้ตนทรมาน และรักษาดวงตาร่วมด้วย โดยโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรก บอกว่าดวงตาไม่เป็นอะไร แต่โรงพยาบาลเอกชนแห่งที่สอง บอกว่าเสี่ยงตาบอด จึงผ่าตัดตา ซึ่งผ่ามา 3 ครั้งแล้ว


จากนั้นวันที่ 2 สิงหาคม โรงพยาบาลเอกชนแห่งแรก ขอรับตัวมาดูแลต่อ ซึ่งตนอยู่โรงพยาบาลแห่งนี้ถึงวันที่ 23 สิงหาคม หลังจากออกโรงพยาบาล ตนเองรู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกลืมนัดโรงพยาบาลเอกชนแห่งที่สอง ว่ามีนัดผ่าตัดตาให้ตน ปัจจุบันผิวหนังของตนลอกหมดแล้ว สภาพเป็นผิวด่างทั้งตัว ส่วนดวงตายังรักษาอยู่ทั้ง 2 ข้าง ปากชา ไม่สามารถทานอาหารร้อน ๆ หรือรสเผ็ดจัด


นางสาวศศินันท์ กล่าวต่อว่า รักษาตัวที่โรงพยาบาลนานกว่า 3 เดือน และตาเกือบบอดทั้ง 2 ข้าง ปัจจุบันตาข้างขวามองเห็นเพียงไม่ถึง 50% ส่วนตาข้างซ้ายมองไม่เห็น ทำให้ไม่สามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ อยากเรียกร้องขอความเป็นธรรม คืออยากได้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านดวงตา มาช่วยรักษาก่อนที่ตาจะบอดสนิท และอยากให้ทางโรงพยาบาล ออกมาพูดคุยถึงแนวทางการรักษา และระหว่างรักษาจะช่วยเยียวยาอะไรได้บ้าง


วันนี้ (9 ก.ย.) นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด จะพาผู้เสียหายเดินทางไปกระทรวงสาธารณสุข เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกับ ดร.ธนกฤต จิตรอารีรัตน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีสาธารณสุข ซึ่งจะมีผู้เสียหายอีก 1 ราย ไปกระทรวงสาธารณสุขด้วย โดยรายนี้มีอาการหมือนผู้เสียหายคนแรก ไปโรงพยาบาลหมอวินิจฉัยผิด ทำให้เกิดอาการแพ้ยารุนแรง (ไม่ใช่โรงพยาบาลเดียวกันกับผู้เสียหายรายแรก)


โดยอาการแพ้ยาของผู้เสียหายรายที่สอง เหมือนกับผู้เสียหายรายแรก มีผดผื่นขึ้นตามลำตัวและใบหน้า ผิวหนังพุพองหลุดลอกออกเป็นแผ่น ๆ ปากพุพองเหมือนไฟไหม้ ใช้ชีวิตอย่างทรมาน ทานอาหารลำบาก ต้องรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลนานหลายเดือน ทุกวันนี้อาการยังไม่หายเป็นปกติ อยากเรียกร้องให้โรงพยาบาลรับผิดชอบ


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/XtQ0o4i_5hE

คุณอาจสนใจ