สังคม
น้ำท่วมสุโขทัย สวรรคโลกวิกฤต ชาวนาจำใจเกี่ยวข้าวขาย - ยันน้ำไม่เท่าปี 54 กทม.ไม่ท่วมแน่
โดย passamon_a
27 ส.ค. 2567
232 views
น้ำเหนือที่ไหลผ่านแม่น้ำยม หลายพื้นที่นอกตัวเมือง จ.สุโขทัย คันดินกั้นน้ำพังทลาย ที่ อ.ศรีสำโรง น้ำยมไหลเข้าท่วม 4 หมู่บ้าน ชาวบ้านอพยพหนีน้ำ ชาวนาเร่งเกี่ยวข้าวขาย เผยได้ราคาถูกดีกว่าปล่อยจมน้ำ ส่วน อ.สวรรคโลก น้ำล้นตลิ่งไหลท่วมบ้านเรือน ผู้ว่าฯเผย อ.เมือง รับมือได้อยู่
เมื่อวันที่ 26 ส.ค.67 เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำที่ จ.สุโขทัย โดยทีมข่าวไปตรวจสอบที่บ้านปากเเคว หมู่ที่ 4 อ.เมือง พบว่าแม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ไหลทะลักท่วมถนนและบ้านเรือนประชาชนบางส่วน เจ้าหน้าที่และชาวบ้านช่วยกันนำกระสอบทรายไปวางเสริมสูง 2-3 ชั้น ส่วนที่วัดปากเเคว ที่เคยถูกน้ำท่วมเมื่อปี 2566 เพราะพนังเเตก ปีนี้มีการป้องอย่างดี ทำให้บริเวณวัดปากเเคว หมู่ 4 อ.เมือง ซึ่งเป็นจุดโค้งน้ำเเละเป็นคอขวด ยังต้านทานน้ำได้ มีแค่น้ำซึมแนวกระสอบทรายเเละบิ๊กเเบ็ค
ขณะที่แม่น้ำยม ที่ไหลผ่านบ้านวังใหญ่ หมู่ 6 ต.วังใหญ่ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ไหลเข้าท่วมพื้นที่ เนื่องจากตลิ่งริมแม่น้ำยมพัง บริเวณคอสะพานสิริปัญญารัตน์ มวลน้ำทะลักข้ามถนนสายศรีสำโรง-สุโขทัย ทำให้แขวงการทางสุโขทัย ต้องประกาศปิดการจราจร บนถนนทางหลวงหมายเลข 1195 ระหว่าง กม.9+290 - 14+600 หมู่ 6 วังใหญ่ หมู่ 8 ต.วังทอง อ.ศรีสำโรง
นอกจากนี้ มวลน้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร และบ้านเรือนประชาชน ใน 2 ตำบล คือ ต.วังใหญ่ กับ ต.วังทอง ได้รับผลกระทบ 350 หลังคาเรือน ชาวบ้านบางคนย้ายออกไปพักที่อื่นชั่วคราว บางคนยังอาศัยอยู่ในบ้านเหมือนเดิมแม้ปริมาณน้ำจะเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากคันดินบริเวณคอสะพานสิริปัญญารัตน์ที่พังขยายกว้างขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถซ่อมแซมหรือนำกระสอบทรายบิ๊กแบ็คไปวางเพื่อชะลอน้ำได้ เนื่องจากน้ำไหลแรงมาก บ้านหลังไหนที่ยังไม่โดนน้ำท่วม ทำได้เพียงกรอกกระสอบทรายไปวางกั้นไว้ ไม่ให้น้ำที่ท่วมถนนหลวงน้ำหมายเลข 1195 ไหลมาเข้าบ้านเรือนตัวเอง เนื่องจากบ้านอยู่ต่ำกว่าถนน ซึ่งไม่รู้ว่าจะสามารถต้านแรงน้ำได้หรือไม่
ขณะที่ภาพถ่ายจากโดรน โดยทีมสำรวจภาคพื้นดิน GISTDA แสดงให้เห็นจุดที่คันกั้นน้ำได้รับความเสียหาย และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยรอบบริเวณ ต.วังใหญ่ อ.ศรีสำโรง ทั้งบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตร
ทีมข่าวได้คุยกับ นางสายหยุด อายุ 51 ปี ชาวบ้านวังใหญ่ หมู่ 6 ต.วังใหญ่ อ.ศรีสำโรง ที่ต้องนำรถไถนาอีแต๊กมาจอดอยู่ถนนด้านนอก พร้อมกับของใช้จำเป็น และอาศัยหลับนอนกินอยู่บนรถอีแต๊ก โดยเอาผ้าใบปกคลุมกันแดดกันฝน นางสายหยุด เล่าว่า ช่วงที่คันดินพัง ตนรีบเก็บข้าวของแต่ไม่ทัน บางส่วนถูกน้ำท่วมเสียหาย น้ำมาเร็วมาก ปีนี้น้ำเยอะกว่าปีก่อน
ส่วน นายณรงค์ อายุ 47 ปี ชาวบ้านวังทอง หมู่ 8 ต.วังทอง อ.ศรีสำโรง บ้านถูกน้ำท่วม จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้นำเรือเข้าไปรับลูกชายวัย 15 ปี ออกจากบ้าน ส่วนคุณแม่ซึ่งเป็นผู้สูงอายุไม่ยอมออกจากบ้านเพราะเป็นห่วงบ้าน นายณรงค์ บอกว่า อยากให้สร้างพนังปูนที่มั่นคงแข็งแรงไว้กั้นน้ำแทนคันดิน และจุดที่คันดินพังก็เป็นจุดเดิมที่เคยพังเมื่อปีที่แล้ว แต่ครั้งนี้พังเยอะกว่า
นอกจากนี้ ที่บ้านท่าควาย หมู่ 5 ต.คลองตาล อ.ศรีสำโรง พบว่าคันดินกั้นแม่น้ำยมพัง มวลน้ำทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตร ในรอบ 10 ปี ประชาชนได้รับผลกระทบ 20 กว่าหลังคาเรือน ชาวบ้าน ทหาร และจิตอาสา มาช่วยกันตักหินและทรายใส่บิ๊กแบ็คเพื่อนำไปกั้นบริเวณจุดที่น้ำทะลัก แต่ไม่สามารถต้านแรงน้ำได้ จึงนำกระสอบทรายบิ๊กแบ็คมาวางบริเวณแนวถนน เพื่อกั้นกระแสน้ำที่ไหลแรง
นายเชาว์ อายุ 59 ปี ชาวบ้านท่าควาย หมู่ 5 ต.คลองตาล อ.ศรีสำโรง เล่าว่า บ้านของตนอยู่ติดกับคันดินที่พัง โดยคันดินเริ่มพังตี 2 ของวันที่ 25 ส.ค. ปริมาณน้ำไหลทะลักเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว ตนจึงรีบขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปไว้ข้างนอก กลับมาที่บ้านอีกทีน้ำสูงครึ่งเข่าแล้ว ก่อนที่ทหารจะมาช่วยขนของ ซึ่งข้าวของในบ้านบางส่วนก็ถูกน้ำท่วม แต่ก็ทำใจว่าของเสียงหายช่างมัน เอาชีวิตรอดก่อน
ขณะที่ ชาวนาบ้านทับผึ้ง หมู่ 3 ต.ทับผึ้ง อ.ศรีสำโรง ได้จ้างรถเกี่ยวข้าวในพื้นที่กว่า 10 ไร่ ซึ่งพื้นที่นาตั้งอยู่ติดกับคลองทางไม้ โดยระดับน้ำมูลเริ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เพราะได้รับผลกระทบจากน้ำยม กัดเซาะคอสะพาน หมู่ 6 ตำบลวังใหญ่ ขาด ทำให้น้ำไหลลงมาในพื้นที่ ต.ทับผึ้ง หวั่นทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมนาข้าว
นายคะนอง อายุ 48 ปี ชาวบ้านหมู่ 3 ต .ทับผึ้ง อ.ศรีสำโรง เผยว่า ในละแวกรอบ ๆ ทุ่งนา น้ำได้ไหลเข้าท่วมเกือบจะทั่วทุ่งแล้ว จึงต้องเร่งเก็บเกี่ยวข้าวกว่า 10 ไร่ แม้จะขายได้ราคาถูกมาก โดยวันที่ 26 ส.ค. นำข้าวไปขายได้ราคาตันละ 5 พันบาทเท่านั้น เนื่องจากข้าวยังไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยว เมล็ดข้าวยังไม่เติบโตเต็มที่ แต่อย่างไรก็ต้องขาย ดีกว่าปล่อยให้น้ำท่วมเน่าตาย ได้เงินบ้าง ยังดีกว่าไม่ได้เลย เพราะมีหนี้สินต้องคืนให้ ธ.ก.ส.ด้วย
ส่วนที่ อ.สวรรคโลก มวลน้ำในแม่น้ำยมได้กัดเซาะดินใต้ถนนที่บ้านหนองโว้ง หมู่ 7 ต.ท่าทอง อ.สวรรคโลก และน้ำล้นคันกั้น บางจุดล้นตลิ่งไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ชุมชน น้ำไหลแรงรถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งในพื้นที่ ต.ธาตุทอง ถูกน้ำท่วมแล้ว 5 หมู่บ้าน น้ำยังเพิ่มระดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ ชาวบ้านได้ขนย้ายสิ่งของไปที่สูงก่อนแล้ว รวมถึงอพยพสัตว์เลี้ยง วัว ควาย ไปอยู่จุดพ้นน้ำ
นอกจากนี้บริเวณคอสะพานแม่น้ำยมฝั่งตะวันออก พังเป็นแนวยาวประมาณ 15 เมตร ทำให้มวลน้ำไหลทะลักเข้าท่วมวัดหนองโว้ง บ้านเรือนของชาวบ้าน และถนนข้างวัดหนองโว้ง หมู่ 1 ต.เมืองบางยม อ.สวรรคโลก แม่น้ำยมไหลแรงและเพิ่มสูง ล้นคันกั้นน้ำ เจ้าหน้าที่แขวงการทางสุโขทัย พร้อมด้วย อบต.เมืองบางยม พระ สามเณร และชาวบ้าน ต้องช่วยกันนำกระสอบทรายและไม้มาอุดรอยรั่ว แต่ไม่สำเร็จ ทำให้ต้องปิดถนนบริเวณข้างวัดหนองโว้งชั่วคราว เพื่อให้เจ้าหน้าที่นำบิ๊กแบ็คมาอุดรอยรั่ว
ชาวบ้านหมู่ 1 ต.เมืองบางยม อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย เล่าว่า 5 ทุ่ม วันที่ 25 ส.ค. น้ำเริ่มล้นกำแพงและไหลเข้าท่วมบ้านอย่างรวดเร็ว และมีปริมาณมากจนตั้งตัวไม่ทัน ทำให้ข้าวของในบ้านเสียหายจำนวนมาก และต้องหนีขึ้นไปอยู่บนชั้น 2 ของบ้าน สำหรับปีนี้น้ำมากกว่าปี 54 มาไวและไหลแรงมาก กังวลว่าน้ำจะมามากกว่านี้ สิ่งที่อยากได้เบื้องต้นคือ ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม และยารักษาโรค
ขณะที่ เจ้าหน้าที่ ปภ.อส.ฝ่ายปกครอง อ.สวรรคโลก และทหารชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็ว กองทัพภาคที่ 3 เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมฉับพลัน เข้าไปช่วยอพยพคนและสิ่งของไปไว้ในที่ปลอดภัย ที่บ้านคลองกระจง ม.6 ต.คลองกระจง อ.สวรรคโลก
โดยเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือครอบครัว นายสิทธิชัย ชาวบ้าน ม.6 ต.คลองกระจง ที่กระแสน้ำที่พัดแรงทำให้ตัวบ้านที่พักอาศัยมีอาการสั่นและโยกเอียง จะก่อให้เกิดอันตราย โดยมีผู้อาศัยอยู่ในบ้าน 5 คน และต้องการย้ายออกจากบ้านพัก นอกจากนี้ได้เข้าช่วยเหลือผู้สูงอายุป่วยติดเตียง ที่ ม.5 ต.คลองกระจง ออกมาสู่พื้นที่ปลอดภัย และให้ไปอาศัยที่บ้านญาติไปก่อน
นายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย เปิดเผยว่า ได้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนการจัดการน้ำที่ไหลมาจาก อ.วังชิ้น จ.แพร่ ทางกรมชลประทาน ได้ผันน้ำออกไปทางฝั่งซ้ายคลองยมน่าน และแม่น้ำยมสายเก่า และมีการผันน้ำลงในแม่น้ำยมสายหลัก จาก อ.สวรรคโลก อ.ศรีสำโรง ไป อ.เมืองสุโขทัย
ทั้งนี้ เกรงว่าการระบายน้ำจำนวนมาก จะส่งผลกระทบต่อประชาชน จึงได้เฝ้าระวังจุดเสี่ยงริมแม่น้ำยม ยอมรับว่าปีนี้น้ำท่วมหนักเนื่องจากมีปริมาณน้ำมาก ส่วนผลกระทบต่อประชาชนยังไม่มากนัก ความเสียหายส่วนใหญ่เป็นการเกษตร บางส่วนมีน้ำท่วมขังในบ้านเรือนประชาชน
และยืนยันว่า พื้นที่เศรษฐกิจของ จ.สุโขทัย ยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง มีบางจุดที่น้ำล้นตลิ่ง หรือน้ำเอ่อล้นพนังกั้น อาจจะมีความเสียหายบ้าง ซึ่งก็ได้เสริมกระสอบทรายตลอดแนวสองฝั่งแม่น้ำยม พร้อมทั้งจัดชุดเฝ้าระวัง ยืนยันว่า บริเวณ ต.ปากแคว ไปจนถึงเขต อ.เมืองสุโขทัย ยังพอรับสถานการณ์ได้
อย่างไรก็ตาม คันดินที่พังบริเวณคอสะพานสิริปัญญารัตน์ อ.ศรีสำโรง ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำยมในเขต อ.เมือง ลดลง แต่ยังต้องเฝ้าระวัง เพราะยังมีปริมาณน้ำที่มาก ที่ผ่านมาทางจังหวัดแจ้งเตือนประชาชนตลอด ให้เตรียมการขนย้ายข้าวของ
ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่ตนได้ประชุมร่วมกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ทราบว่า อีก 2 วัน (27-28 ส.ค.) มวลน้ำที่ อ.วังชิ้น จ.แพร่ จะเพิ่มเข้ามาที่ จ.สุโขทัย ปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นอาจต้องระบายกันอย่างเต็มที่ ดังนั้นทางจังหวัดได้เสริมความมั่นคงแข็งแรงพนังกั้นน้ำตามจุดต่าง ๆ คาดว่าอาจจะมีความอ่อนไหวเปราะบางในบางจุด จึงกำชับให้เฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง
ส่วนเรื่องการเยียวยาแยกเป็นหลายส่วน สำหรับผลกระทบต่อบ้านเรือนประชาชนซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความเสียหายมากนัก แต่ได้เตรียมความพร้อมงบประมาณไว้แล้ว ส่วนความเสียหายพื้นที่การเกษตรเนื่องจากปีนี้น้ำมาเร็วก่อน 1 เดือน บางพื้นที่เกษตรกรยังไม่ได้เก็บเกี่ยวผลผลิตและถูกน้ำท่วม ซึ่งความเสียหายพื้นที่การเกษตรของปีนี้มากกว่าปีที่แล้ว หากสถานการณ์คลี่คลายจะเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณเยียวยาประชาชนต่อไป
ด้าน นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วม โดยยืนยันว่า ปีนี้ปริมาณน้ำฝนไม่เท่ากับปี 2554 อย่างแน่นอน เพียงแค่ช่วงนี้เป็นช่วงฝนฉับพลันเข้ามา ทำให้มีน้ำหลากในหลายพื้นที่ โดยทุกกระทรวงได้ร่วมมือกัน เตรียมอุปกรณ์ที่จะช่วยในการระบายน้ำอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ น้ำในเขื่อนต่าง ๆ ยังอยู่ในปริมาณต่ำ โดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) จะประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัด ในการระบายน้ำและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งกระทรวงกลาโหมจะส่งอุปกรณ์เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทั้งอาหาร น้ำดื่ม ส่วนระบบสาธารณูปโภค กระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้ดูแล ให้โรงพยาบาลทุกแห่งที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและสามารถรองรับผู้ป่วย รวมถึงประสานงานไปยังโรงพยาบาลอื่นได้ หากมีความจำเป็น
ขณะที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์เข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่ท่วมขัง ซึ่งในช่วง 2-3 วันนี้ จะยังมีฝนตกหนักและน้อยลงในวันที่ 29-31 สิงหาคม 2567 จึงต้องเร่งระบายน้ำให้เร็วที่สุด
นายจักรพงษ์ ยืนยันว่า น้ำที่ท่วมขังสะสม เมื่อเปรียบเทียบกับเหตุการณ์อุทกภัยเมื่อปี 2554 มีระดับน้ำฝนเลยค่ามาตรฐานมาตั้งแต่เดือนเมษายนและน้ำในเขื่อนต่าง ๆ มีปริมาณสูง แต่ในปีนี้ค่าเฉลี่ยต่ำกว่ายังมีนัยสำคัญ อีกทั้งน้ำในเขื่อนยังอยู่ในปริมาณที่สามารถดูแลได้ แค่ต้องเร่งระบายน้ำช่วงนี้เป็นหลัก จึงยืนยันว่าในปีนี้กรุงเทพมหานครไม่ท่วมอย่างแน่นอน
ส่วนน้ำในแม่น้ำยมที่กำลังไหลลงมา จะมีการกระจายออกไปด้านข้าง ซึ่งในวันนี้ (27 ส.ค.67) จะเป็นวันที่มีปริมาณน้ำสูงที่สุด ถ้าผ่านวันนี้ไปได้จะโอเค
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/mJzTLBxsT6M
แท็กที่เกี่ยวข้อง น้ำท่วมสุโขทัย ,น้ำท่วมสวรรคโลก