เปิดใจหนุ่มขี่จยย. ชนเด็ก ม.3 วอนย้ายทางม้าลายพ้นโค้ง มุมอับ ทำเกิดอุบัติเหตุ

17 กรกฎาคม 2567 จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์คลิปวิโอขณะนายธนภัทร อายุ 14 ปี เด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนราชวินิต นนทบุรี กำลังเดินข้ามถนนทางม้าลาย ถูก รถจยย.ไฟฟ้า พุ่งชนเข้าอย่างจัง จนตัวของเด็กนักเรียนชายพุ่งลอยฟ้ากระเด็นไกลเกือบ 10 เมตร ไถลกลิ้งพื้นถนนทั้ง 2 ฝ่าย ได้รับบาดเจ็บ ก่อนเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาล เหตุเกิดวันที่ 8 ก.ค. ที่ผ่านมา บริเวณทางม้าลาย ใกล้เคียงทางเข้าหมู่บ้านอาสาเฮ้าท์ ม.5 ต.บางใหญ่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ร้านแม่ข้าวแกง 10 บาท ต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พบนายพชร อายุ 30 ปีพ่อค้าขายข้าวแกง คู่กรณีที่เป็นคนขับขี่รถจยย. เล่าว่า ตนออกจากโรงพยาบาลมาตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ในวันที่เกิดเหตุตนจำอะไรไม่ได้ ตนได้มาเห็นคลิปที่เกิดเหตุเลยพอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และเหตุการณ์เป็นอย่างไร ตนก็อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ย้ายทางม้าลายออกไปหน่อยให้พ้นโค้ง เพราะเวลาขับรถมาเจอทางม้าลายและเป็นมุมอับอีกขับมาแล้วเบรกไม่ทันและทำให้เกิดอุบัติเหตุ ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ย้ายทางม้าลายไปไว้ที่ใหม่ ที่ปลอดภัยและมองเห็นได้ง่าย จะได้ไม่เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก

ในเบื้องต้นตอนนี้อยู่ในขั้นตอนไปเจรจาเรื่องค่าเสียหาย และค่ารักษาคู่กรณี เพราะตอนนี้ตนยังไม่รู้ว่าค่ารักษาของน้องนักเรียน ม.3 เท่าไหร่ และตนก็ไม่รู้ว่าตนจะไหวชดใช้เท่าไหร่ เพราะตนก็หาเช้ากินค่ำได้เงินไม่เยอะ และก็ต้องรักษาตัวเองด้วยเหมือนกัน ซึ่งตอนนี้ตนก็ไม่ได้ไปทำงานข้างนอกเลย ตนช่วยแค่แม่ขายของช่วยที่บ้าน ส่วนอาการบาดเจ็บของตนตอนที่เกิดอุบัติเหตุ โชคดีที่ไม่ได้กลิ้ง ถ้าตนกลิ้งคงเป็นเยอะกว่านี้ และคาดว่าจะเอาหน้าลงเพราะมีลอยที่หมวกกันน็อคฉีกไปหมดเลย สมองก็ปกติดี แต่หมอก็ให้สังเกตุอาการเอาถ้ามีปวดหัวหรืออะไร หมอกลัวมีเลือดคลั่งเพราะกระทบกระเทือนแรง ตนจำเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุไม่ได้เลย และหมดสติไปชั่วขณะหนึ่ง

นางกัญญา อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นแม่นายพชร เล่าว่า ตนมีอาชีพขายข้าวแกง 10 บาท ก็ขายกับลูก 2 คน ซึ่งลูกก็ไม่ได้ไปทำงานอะไร ซึ่งเขาเป็นห่วงแม่กลัวเป็นลม หรือเป็นอะไรไปใครจะช่วยแม่ เขาก็เลยอยู่ดูแลช่วยแม่ขายของ เขาก็เป็นพ่อครัวให้ วันนั้นที่ลูกชายเกิดอุบัติเหตุ ตนใช้ไปซื้อพริกแกงเพื่อเอาไว้ประกอบทำอาหารขายในวันต่อไป ตนก็แยกไปซื้ออีกตลาดหนึ่ง เพราะเขาเป็นพ่อครัว ขาดลูกชายไปตนก็แย่เหมือนกัน เรื่องค่าเสียหายตนก็ไม่รู้ว่าเขาจะเรียกเท่าไหร่ แต่ตนก็มีเท่าที่มีได้ ถ้าเกิดไม่ไหวก็คงต้องขอผ่อน เพราะเราไม่เบี้ยวแน่นอนถ้ามันเกินกำลังของเรา

นางนอง อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นแม่ของนายธนภัทร เด็กนักเรียน ม.3 เล่าว่า ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุจนตอนนี้น้องก็ยังอาการไม่ดีเท่าไหร่ เพราะเขายังมีอาการปวดขาเวลาเขาลุกก็เจ็บปลายเท้าลงเท้าไม่ได้เลย แต่เขาก็อยากไปโรงเรียน ตนจึงไปขอวีลแชร์จากอนามัยมาให้และไปเรียน ตนก็ไปส่งลูกไปเรียนเพราะเขาบอกว่า จะสอบแล้วและไม่อยากไล่เก็บงานตามหลัง วันนี้ทางนายพชร คู่กรณีก็นัดตนไปคุยกันก่อนที่ สภ.บางแม่นาง เวลา 14.00 น. ซึ่งตำรวจนัดไปเจรจาค่าเสียหาย เพราะ พ.ร.บ. ของตนได้ออกค่าใช้จ่ายให้ก่อน จ่ายพวกค่าโรงพยาบาล ตนก็ไม่รู้ว่าลูกของตนจะรักษาหายไหม รักษาต่อเนื่องหรือป่าว เพราะวันที่ 25 ที่จะถึงนี้หมอก็นัดไปตรวจอีกครั้งที่ รพ.พระนั่งเกล้า เพราะขาข้างซ้ายของลูกตนตอนนี้ก็ยังบวมอยู่ไม่ลดเลย ตอนนี้ค่ารักษาของลูกตนก็เกือบ 50,000 บาท ซึ่งทาง พ.ร.บ. ครอบคลุม 30,000 บาท นอกจากนั้นตนก็ต้องจ่ายเป็นเงินสดเองทั้งหมด

ด้านนางสาวยมนา นาคเสนา ผอ.ขนส่งจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า เราก็ต้องดูรถว่าเป็นไปตามที่ระเบียบกรมการขนส่งทางบกกำหนดไว้หรือไม่ ว่าสามารถจดทะเบียนได้หรือไม่ได้ เพราะว่าถ้าเราไม่เห็นตัวรถและเอกสารเกี่ยวกับตัวรถเราก็ไม่สามารถจะตอบได้ว่าจดทะเบียนได้หรือไม่ เพราะว่าตามระเบียบที่กำหนดไว้ว่ารถไฟฟ้าต้องมีกำลังมอเตอร์ไม่ต่ำกว่า 250 W และความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง ถึงจะมาจดทะเบียนได้ ถ้าหากจดได้เขาก็สามารถที่จะมาวิ่งได้ แต่ถ้าจดไม่ได้ก็จะต้องวิ่งรถแค่ในหมู่บ้าน ส่วนที่คนแก่เอารถไฟฟ้ามาขับตามถนนใหญ่หรืออะไร ก็เป็นไปตามคำตอบเดียวกัน ต้องดูว่ารถรุ่นนั้นมีกำลังมอเตอร์เท่าไหร่ ต้องดูข้อเท็จจริงและดูตัวรถ ก็ถ้าหากใครซื้อรถที่ใช้ไฟฟ้ามาใช้ เราก็ต้องรู้ว่ารถไฟฟ้าที่เราซื้อมานั้นมีกำลังมอเตอร์เท่าไหร่ วิ่งได้เท่าไหร่ เป็นไปตามระเบียบที่กรมขนส่งทางบกกำหนดไว้หรือไม่ ถ้าหากว่าเป็นไปตามระเบียบที่จดได้ก็ขอเชิญชวนให้มาจดทะเบียนจะได้ใช้รถได้อย่างถูกต้องตามกฏหมาย แต่ถ้าเป็นรถที่ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะจดได้ต้องขอให้วิ่งในหมู่บ้านหรือวิ่งใกล้ๆ เพื่อให้ได้รับความสะดวกในหมู่บ้าน อย่าเอามาวิ่งบนถนนใหญ่เพราะมันผิดกฏหมาย ส่วนรถที่เกิดอุบัติเหตูชนเด็กนักเรียน ม.3 ที่ออกข่าว ตอนนี้ทางเรายังไม่เห็นตัวรถว่ามีลักษณะยังไง เราจึงไม่สามารถตอบได้ว่ารถคันดังกล่าวจะเข้าข่ายในการจดทะเบียนได้หรือไม่