สังคม

"ทนายตั้ม" ไหว้สวยขอโทษประชาชน ทำภารกิจเอาผิด "บิ๊กต่อ" ไม่สำเร็จ

โดย nutda_t

20 มิ.ย. 2567

1.5K views

เวลา 13.00 น. ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด แถลงข่าวภายหลัง นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี แถลงผลการสอบ กรณีความขัดแย้งระหว่าง พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ บิ๊กต่อ และ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ บิ๊กโจ๊ก

ทนายษิทรา กล่าวว่า หลังจากที่ได้ทราบว่าจะมีคำสั่งให้พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ กลับมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตนก็คิดว่า ตอนนี้ประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศเดียวในโลก ที่มีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ซึ่งไม่รู้ว่าที่ตนแจ้งความไปจะมีใครกล้าดำเนินการต่อไหม

โดยก่อนหน้านี้มีหลายดีลมาก ที่พยายามติดต่อตนมา บอกว่าทั้งบิ๊กโจ๊กและบิ๊กต่อ จะได้กลับมาตำแหน่งเดิมทั้งคู่ และตนก็จะได้รับการดูแล ซึ่งตนเข้าใจว่า คำว่าดูแลคงเป็นการให้เงินให้ทอง แต่ตนก็ตอบไปว่า เรื่องนี้ตนทำในฐานะทนายประชาชน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบิ๊กโจ๊ก แต่เป็นเรื่องของประเทศชาติบ้านเมือง ผิดต้องว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก

สำหรับหน่วยงานต่างๆ ที่ตนได้มีการไปร้องเรียนให้ตรวจสอบบิ๊กต่อก่อนหน้านี้ คือ สน.เตาปูน , คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) ,  บก.ปปป.  และ ปปง. ก็ไม่ได้มีการขยับเท่าที่ควร ทั้งที่ในส่วนของคณะกรรมการฯ ของนายกรัฐมนตรี ตนก็ได้ไปให้ข้อมูลมาถึง 3-4 ครั้ง และยังมีสายลับที่เป็นคนเก็บเงินจาก 18 ธุรกิจที่มีเส้นทางการเงินไปถึงบิ๊กต่อและภรรยา ที่เสียสละ เสี่ยงตายไปให้ข้อมูลด้วย

เรื่องนี้มีหลักฐานว่า คนอำนาจสูงระดับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับส่วยจริง โดยได้รับประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม แต่จะมาบอกว่าไม่ได้รับนั้น มองว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะมีทั้งเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน 18 ธุรกิจเดือนละหลายล้านบาท และยังมีทรัพย์สินที่ตรวจสอบที่มาไม่ได้ ทั้งรีสอร์ทที่ปากช่อง บ้านไม้สักทองที่ปากช่องมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท และบ้านที่ประเทศอังกฤษอีก และตอนนี้ก็ได้ทราบข่าวมาว่ามีความพยายามจะขายบ้านที่กรุงเทพฯ แล้ว แต่ทาง ปปง. ยังไม่มีการเรียกสอบเลย

ทนายษิทรา กล่าวต่อว่า ที่ตนมาแถลงข่าวในวันนี้ เพราะต้องการระบายความอัดอั้น และอยากจะมาขอโทษประชาชนด้วย เพราะตนรู้ว่าทุกคนหวังกับเรื่องนี้มาก อยากให้มีบรรทัดฐานทางกฎหมายเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นคนนามสกุลใหญ่ หรือเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ตาม ซึ่งตนได้พยายามทำทุกสิ่งที่ประชาชนคนหนึ่งจะทำได้แล้ว แต่วันนี้บิ๊กต่อ ได้กลับมา ตนก็ขอโทษที่ทำภารกิจนี้ให้ประชาชนไม่สำเร็จ

โดยหลังจากนี้ ตนจะยังทำหน้าที่ต่อไป แม้จะมีหลายดีลที่เกินอำนาจที่ตนจะไปแทรกแซงได้ แต่ตนจะยังเดินหน้าติดตามทุกคดีที่ร้องเรียนไว้ให้ถึงที่สุด ซึ่งคณะกรรมการฯ ของพลตำรวจเอกวินัย ทองสอง เคยบอกกับตนไว้ว่า ไม่มีใครสามารถเอามือไปปิดแผ่นฟ้าได้ แต่ตอนนี้ก็เห็นแล้วว่าปิดอยู่เต็มๆ ตนไม่รู้ว่าการที่เรียกพยานไปสอบบ่อยๆ ได้ถูกเขียนลงในรายงานบ้างหรือไม่ และมองว่าเรื่องนี้ถ้าเป็นคนอื่นคงถูกสอบสวนดำเนินคดีไปแล้ว แต่คนนี้เส้นใหญ่ พี่ชายเขาเป็นถึงราชเลขา ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ประชาชนรับไม่ได้

สำหรับกรณีที่ นายวิษณุ ยืนยันว่า ในเรื่องของคดีความ เป็นอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานที่จะทำหน้าที่รับผิดชอบตรวจสอบต่อไป เพราะคณะกรรมการฯ ของนายกรัฐมนตรี ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วนั้น ทนายตั้ม กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นแค่การพูดง่ายๆ เพราะคนที่จะต้องดำเนินคดีบิ๊กต่อ ก็มีแต่ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งนั้น คิดว่าตำรวจเหล่านี้จะกล้าดำเนินคดีหรือ การที่นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยงานราชการ รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โยนกลับไปว่า ตรวจสอบเสร็จแล้ว มีการทะเลาะกันจริง แต่ให้แยกย้ายไปทำงานต่อ คิดว่าเจ้าหน้าที่จะอึดอัดแค่ไหนในการทำคดี การพูดแบบนี้ถือเป็นการลอยตัวเหนือปัญหา ตนสงสารตำรวจทั่วประเทศไทยที่บิ๊กต่อ กลับมา เชื่อว่าลูกน้องไม่มีใครอยากให้กลับมา เพราะเป็นการทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ทนายตั้ม ย้ำอีกว่า คดีนี้มีความสองมาตรฐานอยู่แล้ว โดยการดำเนินคดีกับบิ๊กโจ๊ก ใช้เวลาไม่นานก็มีการแจ้งข้อกล่าวหา และส่ง ป.ป.ช. แต่ของบิ๊กต่อ ไม่ขยับไปไหนเลย ทั้งที่เรื่องก็ตั้งต้นจากเว็บบีเอ็นเคมาสเตอร์เว็บเดียวกัน ก็น่าจะสามารถทำต่อได้เลย ว่ามีการโอนเงินไปให้ใครบ้าง ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาหลายเดือน หรือถ้าจะบอกว่าเอกสารที่ตนยื่นไปไม่น่าเชื่อถือ ก็สามารถขอจากธนาคารเองโดยตรงได้ หรือจะดำเนินคดีตนว่ายื่นเอกสารเท็จก็ได้

“เชื่อว่าคำสั่งของนายกรัฐมนตรี มันเป็นดีล ที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ตนเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่มีใครกล้าพูด เพราะเวลาจะทำอะไร คนที่มีอำนาจคือรัฐบาล แต่เรื่องในรั้วในวังต้องพึ่งราชเลขาทุกอย่างจึงต้องมีดีลให้สมประโยชน์กัน

เรื่องนี้เป็นไปอย่างที่ตนสงสัยตั้งแต่แรก ว่านายกรัฐมนตรี ช่วยในการฟอกตัวให้บิ๊กต่อ เพราะรู้มาว่าต้องการให้บิ๊กต่อกลับมาทำงานสำคัญในเดือนหน้าให้เสร็จ แล้วบิ๊กต่ออาจจะลาออกก็ได้ ก่อนให้บิ๊กโจ๊กกลับมา โดยคนที่มาดีลกับตนเป็นนักการเมืองระดับผู้ใหญ่ที่ตนนับถือ มีความสนิทสนมกับตน และใกล้ชิดกับคนที่มีอำนาจด้วย”

เมื่อถามว่า การที่ทางกฤษฎีกาตีกลับผลสอบบิ๊กโจ๊ก และให้ออกจากราชการไว้ก่อน กลับไปแก้ไขใหม่ เนื่องจากไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถือว่าเป็นธรรมหรือไม่ ทนายตั้ม ระบุว่า ถือว่าเป็นการให้ความเป็นธรรมได้ส่วนหนึ่ง แต่ความเป็นธรรมจริงๆ คือต้องให้บิ๊กโจ๊กได้กลับไปตำแหน่งเดิม ส่วนภายหลังจากตีกลับไปดำเนินการตรวจสอบใหม่แล้ว ยังไม่มีการยืนยันว่าบิ๊กโจ๊กจะได้กลับไปหรือไม่ ทนายตั้ม บอกว่า ตนคิดว่าบิ๊กต่ายไม่น่าฝืนคำสั่งได้ ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด และย้ำว่าคำสั่งดังกล่าวต้องทำตามขั้นตอน ส่วน บิ๊กต่าย นั้น มองว่า “ตัวเองก็จะตายอยู่แล้ว” เพราะผิดเต็มๆ ในการให้บิ๊กโจ๊กออกจากราชการไว้ก่อน โดยไม่ทำตามขั้นตอน อนาคตจะต้องตกเป็นผู้ต้องหา และบิ๊กต่อก็ไม่สามารถช่วยได้ ซึ่งคาดว่าหลังจากนี้บิ๊กโจ๊กน่าจะมีการดำเนินคดีกับบิ๊กต่าย เพราะคนอย่างบิ๊กโจ๊กใครทำเขา เอาคืนอยู่แล้ว

ทั้งนี้ ทนายตั้ม ยอมรับว่า เสียใจและเสียความรู้สึก เพราะที่ผ่านมา ตนพยายามโน้มน้าวพยายามมาให้การตามความเป็นจริง แต่แม้จะท้อแต่ไม่ถอย จะทำไปเจอตอ แต่จะทำต่อไป ส่วนเรื่องของความปลอดภัย สำหรับตนเองนั้น ตั้งแต่ออกมาแฉประมาณเดือนมีนาคม ก็ต้องคอยระวังตัวมาตลอด และเชื่อว่า ตนเองคงจะถูกเช็กบิลเป็นคนแรกๆ เพราะวันนี้ “เขาได้กลับมาแล้ว เขามีอำนาจในการสั่งการตำรวจทั่วประเทศ” ก็จะต้องระวังตัวมากยิ่งขึ้น พร้อมย้ำว่า ที่ผ่านมาไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ทุกอย่างทำไปตามพยานหลักฐาน


ส่วนกรณีการออกมาแถลงข่าวของตนเอง จะเกี่ยวข้องหรือมีผลกับการลงสมัคร สว. หรือไม่นั้น ทนายตั้ม ระบุว่า จริงๆ ตามกฎหมายไม่สามารถให้แนะนำตัวได้ แต่เนื่องจากสื่อมวลชนถามจึงต้องตอบ โดยมองว่า เรื่องนี้ก็มีขบวนการสกัดกั้นไม่ให้ตนเองเข้าไปมีอำนาจทางการเมือง แต่ตนเองก็ทำเท่าที่ทำได้ เพราะจะได้เป็นหรือไม่ได้เป็น ขึ้นอยู่กับอำนาจวาสนาด้วย และหากตนเองได้เข้าไปก็เชื่อว่า อาจจะมีโอกาสได้ทำอะไรมากกว่าที่ทำอยู่

แท็กที่เกี่ยวข้อง  ทนายตั้ม ,บิ๊กต่อ ,บิ๊กโจ๊ก

คุณอาจสนใจ

Related News