‘บิ๊กโจ๊ก’ ยัน ไม่ได้ใช้มวลชนกดดัน 'ก.พ.ค.ตร.' ลั่น นิสัยคนใต้ถูกรังแกต้องต่อสู้

‘บิ๊กโจ๊ก’ ยัน ไม่ได้จัดตั้ง ไม่ได้จ้างชาวปักษ์ใต้มาให้กำลังใจ และไม่ได้ใช้มวลชนมากดดัน ก.พ.ค.ตร.ลั่น เป็นนิสัยคนใต้หากถูกรังแกต้องต่อสู้ เป็นพลังบริสุทธิ์ ที่อยากให้กลับไปทำงาน ระบุ ไม่มีปัญหาหากใครจะฟ้องกลับต้องว่าด้วยพยานหลักฐาน /พร้อมเหน็บนายกฯ ‘โม้’ จะให้ความเป็นธรรม ทุกวันนี้ไม่เห็นทำอะไร เปรียบเทียบ ‘บางประเทศไม่มีทะเลแต่มีกองทัพเรือ เหมือนกับประเทศไทยที่ไม่มีความยุติธรรมแต่ก็มีกระทรวงยุติธรรม’


วันนี้ 29 มิ.ย.67 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ เดินทางมาที่สมาคมปักษ์ใต้ เพื่อร่วมทำกิจกรรมและรับมอบกำลังใจ จากคณะกรรมการและสมาชิกของ สมาคมฯ


โดยพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ระบุว่า วันนี้เป็นวันประชุมสมาคม ซึ่งเป็นการประชุมเป็นวงรอบอยู่แล้ว วันที่ 6 ก.ค.จะมีการจัดงานสืบสวนวัฒนธรรมชาวใต้ ไหว้ครูโนราห์ จ.พัทลุง และจะจัดงานวันสาร์ทเดือนสิบ จึงเชิญพี่น้องชาวใต้และชาวภาคอื่นที่อยู่ในกรุงเทพมาร่วมกิจกรรม และวันนี้ต้องขอบคุณชาวปักษ์ใต้ ที่มีประชาชนมาให้กำลังใจ


เพราะเดี๋ยวนี้ตนเองแต่งเครื่องแบบไม่เคยเห็นปรากฎการณ์แบบนี้ แต่พอถูกให้ออกจากราขการไว้ก่อน ตนเองกินข้าว หรือเดินริมฟุตบาท ข้ามแยกไฟแดง ประชาชนที่เห็นซึ่งตนเองไม่รู้จักก็จอดรถเปิดกระจกให้กำลังใจ สิ่งนี้จึงเป็นการบ่งบอกว่าประชาชนเชื่อมั่นศรัทธาจากตอนที่ตนเองทำงานอยู่เป็นการทำงานเพื่อแผ่นดิน และเมื่อไรที่ตำรวจทำงาน ประชาชนจะรู้ จึงขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้ตนเอง


ส่วนประชาชนที่มาจะถูกมองว่าเป็นการปลุกระดมหรือจัดตั้งหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า ไม่มีการจัดตั้ง เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว และก่อนหน้านี้ เคยมีการทำโพล ก็พบว่า ประชาชน 78% เชื่อมั่นว่าตนเองได้กลับ เหล่านี้คือพลังบริสุทธิ์ นิสัยตนเองไม่ชอบจัดตั้ง และวันนี้การจัดตั้งหรือไม่จัดตั้งโกหกกันไม่ได้ จึงยืนยันว่า ไม่ได้ไปจัดตั้ง ไม่ได้ไปจ่ายเงินจ้างให้เขามาแน่นอน และตนเองไม่ได้เป็นสส. สว. ไม่ได้เป็นนักการเมือง


ส่วนจะเป็นการเอามวลชนไปกดดันการทำหน้าที่ของคณะกรรมการ ก.พ.ค.ตร.หรือไม่นั้น ยืนยันด้วยว่า ไม่ได้มีความคิดที่จะเอามวลชนไปกดดัน และในโซเชียลทุกวันนี้ประชาชนให้กำลังใจตนเองเยอะมาก และตนเองเชื่อมั่นว่า ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ ถ้าตำรวจถูกดำเนินคดี ประชาชนจะสาปแช่งแต่ตนเองถูกดำเนินคดี ประชาชนอยากให้กำลังใจอยากให้กลับไปทำงาน และแม้จะรู้ว่าองค์กรตำรวจต้นทุนต่ำ

แต่ตนเองก็ภูมิใจในตัวเองว่าได้บังคับใช้กฎหมายให้ประชาชนเกิดความเท่าเทียมกัน ทำให้วันนี้ไม่มีอะไรให้ตนเองต้องไปจัดตั้งและปกติการประชุมสมาคมตนเองไม่ได้มาร่วม แต่เมื่อวันนี้ตนเองมีเวลาว่างเยอะ จึงได้เอามาใส่ใจรายละเอียดสมาคมชาวปักษ์ใต้ให้มากขึ้น มาทำสิ่งที่บรรพชนสร้างเอาไว้ และในยุคของตนเองก็จะรีโนเวทสมาคมใหม่ทั้งหมด ซึ่งสมาคมทำไว้เพื่อลูกหลาน


พร้อมยืนยันด้วยว่า การต่อสู้ของตนเอง ไม่ได้เป็นการดึงสมาคมชาวปักษ์ใต้มาเกี่ยวข้อง แต่เป็นลักษณะนิสัยของคนใต้ที่ไม่ทิ้งกัน รักใครรักจริง ถ้าถูกรังแกก็จะต่อสู้ และเมื่อตนเองถูกรังแกก็จะต้องต่อสู้ เพราะตนเองไม่ได้ไปยกมือไหว้ใคร ขอร้องใคร ไม่ได้เอาสมาคมมาเกี่ยว แต่เป็นศักดิ์ศรีของคนใต้ ไม่ใช่ว่าตนเองแพ้แล้วคนจะใต้จะแพ้ แต่ผมเป็นความหวังของคนใต้ จึงต้องต่อสู้ว่าความยุติธรรมอยู่ที่ไหน และคนใต้เป็นนักต่อสู้ จบกฎหมายเยอะ เมื่อผมเป็นลูกชาวใต้ ก็ต้องเดินตามรอยของผู้ใหญ่ และวันนี้คนใต้มีความเข้มแข็งและรักกัน ไม่ทิ้งกัน


ส่วนกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ออกมาให้ความเห็นไปในทิศทางเข้าข้างพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แต่คนอื่นๆออกมาให้ความเห็นต่างนั้นมองอย่างไร พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า การที่ออกมาให้กำลังใจก็เป็นเรื่องดี และการแสดงความคิดเห็นเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องที่สังคมก็ฟังไป สุดท้ายการตัดสินอยู่ที่กระบวนการของกฎหมาย ของ ก.พ.ค.ตร. ก็ต้องให้กระบวนการเขาว่าไป


ทั้งนี้หากใครจะฟ้องตนเองกลับ ก็ไม่มีปัญหา แต่การจะฟ้องใครอยู่ที่พยานหลักฐาน ซึ่งตนเองก็ฟ้องไปตามพยานหลักฐานถ้าไม่กระทบสิทธิใครก็คงไม่ฟ้อง


และภายหลังให้สัมภาษณ์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้มารับดอกไม้จากพี่น้องชาวปักษ์ใต้ และได้กล่าวพูดถึงช่วงหนึ่งว่า การที่ตนเองถูกกระทำโดนรุมกินโต๊ะจีน แต่ท่านไม่ต้องห่วง วันนี้ตนกำลังต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของตัวเอง ถ้าตนเองไม่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของตัวเองแล้วต่อไป


จะไปให้ความยุติธรรมกับคนใต้และคนภาคอื่นได้อย่างไร วันนี้เรื่องความยุติธรรมเป็นเรื่องใหญ่ แต่ เมื่อความยุติธรรมมันไม่ได้รับจากระบบก็ต้องได้รับจากการต่อสู้ ท่านจะเห็นว่า"แป้ง นาโหนด"ซึ่งก็เป็นคนใต้บ้านเราที่ต้องหนีมันเกิดจากความยุติธรรม พร้อมยอกตัวอย่าง ‘บางประเทศไม่มีทะเลแต่มีกองทัพเรือ เหมือนกับประเทศไทยที่ไม่มีความยุติธรรมแต่ก็มีกระทรวงยุติธรรม’

ดังนั้นตนเองต้องเป็นต้นแบบของความยุติธรรม อย่างเช่นที่เคยทำหน้าที่ทุกครั้ง สำหรับตนเองจะเป็นอะไรก็ได้ เป็นชาวบ้านธรรมดาก็ได้ แต่ต้องถูกต้องและเป็นธรรม หากไม่ถูกต้องก็ต้องต่อสู้ “ซึ่งที่นายกรัฐมนตรี บอกว่า จะให้ความเป็นธรรมผม แต่สิ่งที่นายกฯพูดแค่วลี วาทกรรม ถ้าภาษาใต้คือ ’โม้’ ทุกวันนี้ไม่เห็นทำอะไรเลย ที่เคยบอกว่าจะแก้หนี้ นอกระบบทุกวันนี้คนยังอยากผูกคอตายอยู่เลยวันนี้สิ่งที่เป็นคนต้องการคือความโปร่งใส”

ดังนั้นจึงฝากถึงชาวใต้ว่าไม่ต้องกังวลใจ และยืนยันจะเดินหน้าต่อสู้เพื่อความยุติธรรมแน่นอน