เปิดใจสาวช้ำรัก สามีแอบแซ่บครู ยันไม่คิดจะแฉใคร ลั่นขอมูฟออนต่างคนต่างอยู่

จากกรณี หญิงสาวรายหนึ่ง โพสต์เฟซบุ๊กเล่าเรื่องราวความรัก 9 ปี กับสามี อาชีพครู แต่ถูกหักหลังไปแอบแซ่บกับครูสาว ที่สอนอยู่โรงเรียนเดียวกันใน จ.ลำพูน และได้นำแชตระหว่างสามีกับครูสาว ที่คุยกันหวานชื่นออกมาแฉ เพื่อเตือนสติคนอื่นที่ซื่อสัตย์ต่อคนรัก สุดท้ายถูกสวมเขา โดยหลังจากเผยแพร่โพสต์ออกไป ชาวโซเชียลต่างวิพากษ์วิจารณ์กลายเป็นแอชแท็กร้อน #สันป่าเหียง

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พบหญิงเจ้าของโพสต์ เปิดใจว่า ตนเองไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต หรือจะแฉใคร เพียงต้องการให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับตนเองและคนอื่นๆ เท่านั้น และต้องการให้เรื่องมันจบ ทุกวันนี้ก็พยายามที่จะมูฟออนให้ได้

ตนจับได้ว่าสามีแอบนอกใจ เพราะว่าพฤติกรรมเปลี่ยนไป เช่น เอารถไปจอดนานผิดปกติ เข้าห้องน้ำนานผิดปกติ ซึ่งถือว่าเป็นเซนส์ของผู้หญิง และอาจจะเป็นเพราะเราอยู่กันนานถึง 9 ปี จึงรู้ว่าเขาเปลี่ยนไปแบบไหน พอจับได้ก็ให้เขาเลือก ซึ่งในใจตอนนั้นตนเองก็ยังหวังว่าเขาจะเลือกเรา และคงจะกลับมาคืนดีกัน แต่เขาบอกว่ายังตัดสินใจไม่ได้ จึงอยู่ห่างกันสักพัก ส่วนเราก็พยายามที่จะปรับปรุงตัวเอง แต่สุดท้ายก็ไปด้วยกันไม่ได้

ส่วนเรื่องที่ร้านกุสุมา ยอมรับว่าตอนที่ไปเจอกัน ตอนนั้นยังไม่รู้ และไม่อยากพูดถึงอีก เพราะมีหลายอย่างที่เล่าไม่ได้และไม่อยากพูดถึง ตอนนี้คงต้องต่างคนต่างไป แต่อยากจะบอกถึงทุกคนว่า หากจะมีใหม่ก็ควรเลิกกันให้ขาดเสียก่อน ไม่ควรคาราคาซังแบบนี้ เพราะทุกคนก็มีหัวใจ เรื่องนี้มันไม่ได้เจ็บแค่คนเดียว ผู้หญิงอีกคนเขาก็เจ็บเช่นกัน อีกทั้งยังมีเรื่องภาระต่างๆ ที่ทำกันมาตอนอยู่ด้วยกัน มันก็ยังมีอยู่ สำหรับเรื่องนี้ ตนเองถือว่าเป็นบทเรียนชีวิตเช่นกัน

ขณะที่ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ สพป.ลำพูน เขต 1 พบกับ ดร.กฤติน พันธุ์เสนา รองผอ.สพป.ลำพูน เขต 1 และนายวีรยุทธ์ จิตรปราณี ผอ.โรงเรียนบ้านสันป่าเหียง โดย รองผอ.สพป.ลำพูน เขต 1 เปิดเผยว่า ทางเขตทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และครูที่ถูกพูดถึงในโซเชียลเป็นครูจริง เบื้องต้นได้ให้ทางผอ.โรงเรียน ตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง และมีการตั้งคณะกรรมการไปแล้ว ซึ่งต้องให้เวลาคณะกรรมการได้ทำการสืบข้อเท็จจริงก่อนว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกคนอย่างแน่นอน

ด้าน ผอ.โรงเรียนบ้านสันป่าเหียง เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้น กระทบต่อความรู้สึกของทุกฝ่าย ตนเองในฐานะผู้บริหารโรงเรียน จะดำเนินการตามอย่างตรงไปตรงมา และเป็นไปตามระเบียบของกระทรวง ขั้นแรกคือมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบหาข้อเท็จจริงกับครูทั้ง 2 คน และต้องให้เวลาคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาทำงานก่อน ซึ่งเรื่องนี้ยอมรับมีผลกระทบกับชุมชนบ้าง แต่คนในชุมชนน่ารัก ทุกคนก็เข้าใจ และให้กำลังใจกับทางโรงเรียน

ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้น ลามไปถึงวัดสันป่าเหียง จนพระต้องออกมาโพสต์ในเพจของวัด ว่าพระไม่รู้เรื่อง ห้ามถาม และไม่ใช่ของสันป่าเหียงนั้น เนื่องจากบริบทของชุมชนคือบ้าน-วัด-โรงเรียน ก็ย่อมกระทบแต่เราก็ทุกข์-สุขด้วยกันเป็นเรื่องธรรมดา และเท่าที่ทราบข้อมูลบางอย่าง ส่วนหนึ่งก็จริง ส่วนหนึ่งไม่จริง มีแต่ครูทั้งสองคนเลือกที่จะไม่ตอบโต้ และเข้าสู่ระบบการตรวจสอบของกระทรวง ทั้งนี้ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย