สังคม

ตร.เผยไทม์ไลน์การฝึก 'ตร.หญิง' บิ๊กต่ายรุดเยี่ยม แม่ไม่ขวางหากลูกอยากเป็นตำรวจต่อ

โดย passamon_a

26 มี.ค. 2567

179 views

รรท.ผบ.ตร. รุดเยี่ยม น้องซาน่า ตำรวจหญิง สั่งเร่งตรวจสอบทุกขั้นตอน - รอง ผบช.น. เผยไทม์ไลน์การฝึก - แม่น้องซาน่าเชื่อลูกป่วยซึมเศร้าหลังเข้ารับการฝึกหลักสูตรกองร้อยน้ำหวาน ไม่ขวางหากลูกอยากเป็นตำรวจต่อ ด้านเพื่อนน้องซาน่ายืนยันว่าถูกกดดัน ด้อยค่า


กรณีมีข้าราชการตำรวจหญิง สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล โพสต์ในเฟซบุ๊ก ระบุถึงการเข้ามาเป็นตำรวจ 1 ปี การฝึก ประสบเหตุทางศีรษะ ไปรักษาตัวก่อนกลับมาฝึกก็ถูกฝึก ทำโทษหนัก จนเครียดเป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ซึ่งมีการแชร์โพสต์ดังกล่าวจำนวนมาก หลายฝ่ายเข้ามาให้กำลังใจและแสดงความเป็นห่วงนั้น จนทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาแสดงความห่วงใย และรีบสอบถามไปยังต้นสังกัด เพื่อเร่งตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือ


เมื่อวันที่ 25 มี.ค.67 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร รักษาราชการแทน ผบ.ตร. เปิดเผยว่า เรื่องของหลักสูตรอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าน้องเริ่มสมัครเป็นตำรวจในหลักสูตรใด ระยะเวลาเท่าไร และล่าสุดฝึกหลักสูตรอะไร แต่ทราบเพียงว่าเป็นการฝึกกองร้อยน้ำหวาน โดยตำรวจตระเวนชายแดนเป็นผู้อำนวยการฝึก


ส่วนระหว่างการฝึกในหลักสูตรมีแนวทางการฝึกอย่างไร เนื่องจากว่าเจ้าตัวมีการโพสต์ถึงหลักสูตรในการฝึกที่ถูกกระทำ (ก็คือเตะเข้าที่หัวจนสมองบวมเลือดออกในสมอง) ยืนยันว่าไม่ได้มีหลักสูตรเช่นนี้ และได้พูดคุยกับแม่ของตำรวจหญิงแล้วพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุจริงในระหว่างที่ฝึก จู่ ๆ หัวไปโดนเท้าของเพื่อน


ส่วนก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าน้องพยายาม บอกเล่าเรื่องราวให้สังคมรับทราบว่าถูกกระทำ แล้วถูกกีดกันจากผู้บังคับบัญชา ไม่ให้เผยแพร่เรื่องราว นั้น เรื่องดังกล่าวตนเองยังไม่ได้รับทราบ และจะต้องมีการสั่งตรวจสอบ โดยเฉพาะประเด็นใดที่ผู้บังคับบัญชาใช้คำพูดลักษณะไม่เหมาะสมกับผู้ใต้บังคับบัญชา และอะไรที่ไม่ถูกต้องจากผู้บังคับบัญชา จะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย


ส่วน บช.น. มีกองบังคับการศูนย์ฝึกอบรม แต่ต้องมีการส่งไปฝึกที่อื่นในลักษณะนี้ด้วยหรือไม่ ต้องขอตรวจสอบก่อนว่าหลักปฏิบัติเหมาะสมหรือไม่ หากมีอะไรไม่เหมาะสมจะมีการแก้ไขในอนาคต


ส่วนผู้บังคับบัญชาในการฝึกในห้วงเวลานั้น ขณะนี้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่เรื่องที่เกิดมาตั้งแต่ 66 เพิ่งมาเกิดเรื่องในตอนนี้นั้น ไม่อยากตอกย้ำในความรู้สึกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำอีก โดยมีการสัญญากับน้องตำรวจหญิงว่า หลังจากการรักษาตัว ขอให้ไปรายงานตัว ด้วยตัวเองกับ ผบ.ตร. และตนจะรอวันนั้น


ส่วนอาการของน้องตำรวจหญิงเบื้องต้นทรงตัวดีสามารถสื่อสารได้ดี ยิ้มแย้มแจ่มใสในบางช่วง แต่เมื่อพูดถึงประเด็นให้ไปรายงานตัวตำรวจหญิงยิ้มรับ ซึ่งมั่นใจว่าจากการพูดคุยน้องยังคงอยากเป็นตำรวจอยู่ แต่ขณะนี้ รู้สึกเหนื่อยและเบื่อหน่าย แต่ก็ต้องประคับประคองกันไป ซึ่งตนทราบเรื่องจึงรีบเดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจน้อง


ส่วนอาการซึมเศร้าเป็นก่อนหรือหลังการรับข้าราชการตำรวจ ผบ.ตร. ระบุว่า ต้องขอตรวจสอบก่อน แต่ตนเองได้พูดคุยกับน้องว่าอยากให้สู้และกลับมาเข้มแข็งด้วยตัวเอง โดยไม่พึ่งยารักษาซึ่งตัวน้องได้สัญญากับตนเองว่าจะดูแลตัวเอง จะดูแลแม่และจะดูแลยาย


สุดท้ายอยากฝากสื่อมวลชนอย่านำข้อความภายในจดหมายไปเผยแพร่เพื่อตอกย้ำความรู้สึกของน้อง เพราะกังวลว่าความคิดน้องจะถอยหลังกลับ เพราะขณะนี้น้องกำลังใจกำลังดีขึ้นและกำลังเดินหน้าเพื่อรักษาตัวเอง


ด้าน พลตำรวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ที่มาที่ไปของเรื่องนี้ สืบเนื่องจาก ก.ตร. มีมติให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล รับสมัครและคัดเลือกบุคคลภายนอกหญิง เพื่อดำรงตำแหน่งผู้บังคับหมู่ กองร้อยที่ 4 กองกำกับการควบคุมฝูงชน 1 และ 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน ซึ่งเป็นตำแหน่งสายงานป้องกันและปราบปราม จำนวน 100 ราย โดยจากการคัดเลือกของศูนย์ฝึกอบรม บช.น. มีผู้ผ่านการคัดเลือกทั้งหมด 71 ราย ลาออก 1 ราย คงเหลือ 70 ราย


โดยใน 70 รายนี้ เป็นบุคคลภายนอกที่ยังไม่มีคุณสมบัติเข้าสู่สายงานป้อมกันและปราบปรามได้ จึงจำเป็นต้องรับเข้ามาบรรจุในสายงายอำนวยการและสนับสนุนก่อน ซึ่งสิบตำรวจตรีหญิงคนธรส สมัครใจที่จะลงบรรจุในสายงานอำนวยการ


หลังจากนั้น ทุกคนต้องไปผ่านการฝึก ตามหลักสูตรที่ ตร. กำหนด คือการไปฝึกที่กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อให้สามารถเข้าสู่สายงานป้อมกันปราบปรามได้ โดยมีกำหนดระยะเวลาฝึก 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.66 - 12 ก.ค.66


ที่ผ่านมา สิบตำรวจตรีหญิงคนธรส ได้เข้าร่วมการฝึกตามกรอบระยะเวลา ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.66 ที่กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน แต่พอผ่านไป 4 วัน วันที่ 19 มี.ค.66 เกิดอุบัติเหตุขึ้น ระหว่างการฝึกในท่าลุกนั่งชักเท้ากระโดด โดยเท้าของเพื่อนได้ไปโดนศีรษะของสิบตำรวจตรีหญิงคนธรส จึงมีการส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลหัวหิน และส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลตำรวจ เบื้องต้นแพทย์ลงความเห็นให้รักษาตัวตั้งแต่วันที่ 20-29 มี.ค.66 เป็นเวลา 10 วัน


จากนั้น วันที่ 29 มี.ค.66 สิบตำรวจตรีหญิงคนธรส ได้กลับเข้ามารายงานตัวที่กองร้อยการฝึก และได้อบรมตามตารางการฝึกต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.-7 เม.ย.66 จากนั้นช่วงวันที่ 8-16 เม.ย.66 เป็นช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ สิบตำรวจตรีหญิงคนธรส จึงได้กลับไปพัก แต่พอถึงกำหนดที่ต้องกลับมาฝึกในวันที่ 17 เม.ย.66 ปรากฏว่า สิบตำรวจตรีหญิงคนธรส ไม่ได้กลับเข้ามาฝึก แต่ไปรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ นับจากนั้นมาจึงเป็นการรักษาต่อเนื่อง โดยแพทย์ลงความเห็นว่า มีอาการเครียดและวิตกกังวล


ทั้งนี้ ตามระเบียบในการฝึกของ ตร. กำหนดไว้ชัดเจนว่า ต้องมีระยะการฝึกทั้งภาควิชาการและการฝึก รวมทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 คือ 440 ชั่วโมง แต่เนื่องจากอาการป่วย ทำให้สิบตำรวจตรีหญิงคนธรส ไม่สามารถฝึกได้ครบตามเกณฑ์ในรอบนี้ ทางกองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน จึงทำเรื่องส่งตัวกลับ ให้มาปฎิบัติหน้าที่ในส่วนฝ่ายอำนวยการ 4 กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจนครบาลเหมือนเดิม โดยส่งตัวกลับมาเมื่อวันที่ 11 พ.ค.66 และในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ก็ยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจอย่างต่อเนื่องในอาการเครียด วิตกกังวล


อย่างไรก็ตาม ทางผู้บังคับบัญชาได้มีการปรึกษากันว่า สิบตำรวจตรีหญิงคนธรส ยังมีโอกาสในการกลับไปเข้ารับการฝึกได้อีกในรอบการฝึกถัดไป ก็สามารถกลับมาบรรจุในตำแหน่งผู้บังคับหมู่ กองร้อยที่ 4 กองกำกับการควบคุมฝูงชน กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชนได้ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ถึงระยะเวลาที่เปิดฝึกในรอบที่ 2 สิบตำรวจตรีหญิงคนธรสจึงยังทำงานในฝ่ายอำนวยการ 4 ต่อไปก่อน


เมื่อถามว่า หากหลังจากนี้ อาการป่วยของสิบตำรวจตรีหญิงคนธรส ทำให้ไม่สามารถกลับไปเข้ารับการฝึกได้อีกแล้วนั้น จะสามารถปฏิบัติงานต่อไปในฝ่ายอำนวยการ 4 ได้หรือไม่ พลตำรวจตรีนพศิลป์ ระบุว่า เรื่องนี้ต้องนำเข้าหารือในที่ประชุม กองบัญชาการตำรวจนครบาล จะประมวลเรื่องทั้งหมดถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นและเสนอ ก.ตร. ให้เป็นผู้พิจารณา


ส่วนประเด็นที่ในโพสต์มีการระบุว่า หลังรักษาตัวและถูกให้กลับไปฝึกอีกครั้ง ได้โดนครูฝึกทำโทษรุนแรง พูดทำร้ายจิตใจทุกวัน เอาเชือกฟาดขา โดนเวรยืนเวรทุกคืนไม่ได้พักตามที่หมอสั่งนั้น พลตำรวจตรีนพศิลป์ ระบุว่า ทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อขออนุมัติการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการฝึกดังกล่าว


เบื้องต้นสำหรับการฝึก จะต้องมีการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย รวมถึงภาควิชาการอยู่แล้ว ส่วนเรื่องรายละเอียดของครูฝึกและการลงโทษระหว่างฝึกนั้น ยืนยันว่าจะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะเชื่อว่าคงมีพยานหลักฐานและพยานบุคคลชี้ชัดข้อเท็จจริงได้


ส่วนที่ผ่านมาหน่วยฝึกของกองบัญชาการจำรวจตระเวนชายแดน เป็นศูนย์ฝึกที่เข้มแข็ง มีวินัยอย่างมาก กองบัญชาการตำรวจนครบาลจึงส่งไปฝึกในส่วนหน่วยสำคัญระดับชาติ ซึ่งช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ก็ยังไม่พบการร้องเรียนใด ๆ และจากทั้งหมด 69 นายที่ผ่านการฝึกในรอบนี้ ก็ได้รับการบรรจุเป็น ผู้บังคับหมู่ กองร้อยที่ 4 กองกำกับการควบคุมฝูงชน 1 และ 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ทั้งหมด


พลตำรวจตรีนพศิลป์ ยืนยันว่า กรณีที่ สิบตำรวจตรีหญิงคนธรส ถูกเพื่อนร่วมรุ่นเตะศีรษะนั้น คืออุบัติเหตุที่ไม่มีใครตั้งใจให้เกิดขึ้น จึงไม่ต้องมีบทลงโทษใด ๆ กับเพื่อนร่วมรุ่น และสิบตำรวจตรีหญิงคนธรสก็โพสต์ยืนยันแล้วว่าเป็นอุบัติเหตุจริง ไม่ได้ติดใจ ส่วนเรื่องการเยียวยานั้นยืนยันว่า ทางต้นสังกัดจะรักษาสิบตำรวจตรีหญิงคนธรสให้ดีที่สุด และเชื่อว่าน้องจะหายจากอาการป่วยโดยเร็ว ส่วนเรื่องสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ก็จะได้รับตามสิทธิ์ข้าราชการอย่างครบถ้วน พร้อมยืนยันว่า ในระหว่างการรักษาตัว จะไม่มีการกดดันเรื่องการทำงาน เพราะสภาพจิตใจสำคัญที่สุด


ด้าน พันตำรวจเอกวิษณุวัฒน์ ภู่ระหงษ์ ผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ 4 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของสิบตำรวจตรีหญิงคนธรส ระบุว่า ที่ผ่านมา สิบตำรวจตรีหญิงคนธรส มีความตั้งใจทำงาน และทำงานที่ได้รับมอบหมาย คืองานด้านเอกสารและงานธุรการได้อย่างดี


ส่วนเรื่องสภาพจิตใจ ตนในฐานะผู้บังคับบัญชา ได้มีการสังเกตอาการและให้คำปรึกษาเบื้องต้นอยู่ตลอด หากมีเรื่องวิตกกังวลหรือว่ามีเหตุการณ์ที่จะต้องทำให้เกิดภาวะเสี่ยง ก็จะพยายามเข้าไปพูดคุย โดยส่วนมาก สิบตำรวจตรีหญิงคนธรส จะมีอาการสะเทือนใจ เมื่อเพื่อนร่วมงานมีการพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องการฝึก ส่วนเรื่องที่ว่า สิบตำควจตรีหญิงคนธรส จะกลับไปเข้ารับการฝึกใหม่อีกครั้งหรือไม่ จะต้องคุยกัน และหารือกับทางผู้บังคับบัญชาระดับ ตร. อีกครั้ง แต่ตอนนี้ต้องให้รักษาตัวก่อน


ขณะที่ แม่ของตำรวจหญิงคนดังกล่าว หรือน้องซาน่า เชื่อว่าอาการป่วยของน้องเกิดขึ้นหลังเข้ารับการฝึกอบรมตำรวจอย่างแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้น้องเป็นคนร่าเริง เรียนเก่ง ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 ส่วนเรื่องดังกล่าวแม่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยจนกระทั่งไปเจอน้องที่โรงพยาบาลและรู้ว่าความเห็นของแพทย์ไม่ตรงกัน จึงไปน้องไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งตอนนี้อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ซึ่งจะต้องมีการดูแลต่อเนื่อง โดยเฉพาะแพทย์เฉพาะทางให้การดูแลเป็นอย่างดี


และจากที่พูดคุยกับน้อง น้องเล่าให้ฟังว่าหลังบรรจุเข้ารับราชการตำรวจก็ถูกส่งไปฝึกอบรมตามโครงการต่าง ๆ โดยในหลักสูตรมีการรับน้อง ส่วนเหตุการณ์ในค่ายถึงแม้ไม่ได้เห็นกับตาแต่ก็เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ จึงส่งไปรักษาตัว แต่ก็มีคำสั่งให้กลับไปฝึกต่อทั้งที่ยังมีอาการป่วยอยู่ สภาพร่างกายยังไม่ปกติ ส่วนรายละเอียดเรื่องที่น้องถูกด้อยค่า แม่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ก็เชื่อว่าเป็นไปตามที่น้องโพสต์ เพราะถ้าไม่ถึงที่สุดน้องก็จะไม่มีการโพสต์ระบายแบบนี้ และเชื่อว่าโพสต์ระบายออกมาจากความรู้สึกจริง ๆ และส่วนตัวก็ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับใครอีก


และหลังจากที่น้องฝึกเสร็จและกลับมาก็มีอาการเครียดและซึมเศร้า น้องเล่าให้ฟังว่าท่าที่ทำให้อาการป่วยหนักขึ้นคือท่าลุกหมอบ แม่ยอมรับว่าตกใจที่อาการของลูกเป็นแบบนี้ ส่วนหลังจากนี้จะให้ลูกรับราชการตำรวจต่อหรือไม่ แม่ยืนยันว่าน้องยังอยากรับราชการอยู่ เพราะมีความเข้มแข็งและตั้งใจอยากรับราชการ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยากให้ลูกเป็นคนตัดสินใจว่าจะเป็นตำรวจต่อหรือไม่ โดยให้สิทธิ์น้องเป็นคนตัดสินใจ


ส่วนการกีดกันจากผู้บังคับบัญชา แม่ไม่ทราบข้อมูลส่วนนี้ ต้องให้น้องเป็นคนบอก แต่ยอมรับว่าน้องมีความกดดันและเครียดเนื่องจากเป็นโรคซึมเศร้าที่ไม่สามารถหายได้


ด้าน น้องนมะนาว เพื่อนของน้องซาน่า เล่าว่า ตนเป็นเพื่อนกับ ส.ต.ต.หญิง ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ที่ผ่านมา ส.ต.ต.หญิง เป็นคนสดใสร่าเริงและไม่มีอาการทางจิต แต่ตั้งแต่เกิดเรื่องก็ได้โทรศัพท์มาปรึกษาอยู่บ่อยครั้ง โดยเพื่อนเล่าให้ฟังว่าเป็นอุบัติเหตุจากการฝึกอบรมฯ และบอกว่าตอนนี้ตนเองไม่มีคุณค่า ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยพูด แต่ไม่เลวร้ายถึงขั้นโพสต์บอกลา เชื่อว่าครั้งนี้คงสุด ๆ แล้ว จึงบรรยายความรู้สึกในโพสต์ โดยเฉพาะคำพูดด้อยค่าจากคนรอบข้าง ส่วนใครเป็นคนพูดกดดันหรือด้อยค่าแม่และตนเองปฏิเสธไม่ขอบอก เกรงจะมีปัญหาตามมา แต่ยืนยันเกิดจากการฝึกแน่นอน และตั้งแต่นั้นสภาพจิตใจก็ย่ำแย่มาโดยตลอด โดยทุกคืนที่นอนฝันถึงการฝึก รวมถึงการลงโทษด้วยการดองเวร ลักษณะยืนเข้าเวรเป็นระยะเวลานาน


ส่วนบรรยากาศภายในค่ายตนเองไม่ทราบ แต่เชื่อว่าหากน้องสภาพปกติคงฝึกต่อได้ แต่ครั้งนี้หลังเกิดอุบัติเหตุก็ยังต้องกลับไปฝึกอีก จึงทำอาการทรุดหนักลงเรื่อย ๆ โดยเฉพาะการฝึกที่การใช้ศรีษะ ที้งที่ไม่ควรใช้แล้วเพราะเพื่อนไม่สบาย และยืนยันว่า เพื่อนโทรมาร้องไห้บ่อยครั้งและบอกเศร้าอีกแล้ว ความรู้สึกตอนนั้นยังคงอยู่ ที่ผ่านมาไม่เคยตัดพ้อว่าไม่เคยอยากเป็นตำรวจ ส่วนฟางเส้นสุดท้ายเชื่อว่าเพราะเป็นมานานจึงเกิดความเครียดสะสม จนทำให้ไม่สามารถทนได้


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/eenw_fBPh7g

แท็กที่เกี่ยวข้อง  ตำรวจหญิง ,ตำรวจป่วยซึมเศร้า

คุณอาจสนใจ

Related News